บร็อคโคลี่: ซูเปอร์ฟู้ดสีเขียวที่มากกว่าผักธรรมดา
บร็อคโคลี่คืออาหารต้นทางที่มีคุณค่าครบถ้วน
บร็อคโคลี่เป็นผักที่จัดอยู่ในกลุ่ม Cruciferous vegetables ซึ่งมีแคลอรี่ต่ำแต่ให้สารอาหารครบ 5 หมู่ ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ไฟเบอร์ วิตามิน A, B, C และเกลือแร่ต่าง ๆ ที่สำคัญคือมีสารต้านอนุมูลอิสระชื่อ “ซัลโฟราเฟน” (Sulforaphane) ที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งอย่างทรงพลัง
การรับประทานบร็อคโคลี่เป็นประจำสามารถเปลี่ยนแปลงสุขภาพได้ในหลายด้าน ตั้งแต่ช่วยควบคุมน้ำหนักไปจนถึงชะลอความเสื่อมของเซลล์ร่างกาย
ประโยชน์ 5 ข้อของบร็อคโคลี่ต่อสุขภาพ
1. ช่วยลดน้ำหนักแบบยั่งยืน
บร็อคโคลี่จัดอยู่ในกลุ่ม “อาหารต้นทาง” ที่มีพลังงานต่ำมาก โดย 100 กรัมให้พลังงานเพียง 31 กิโลแคลอรี่ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและไม่ต้องการอาหารแคลอรี่สูงอื่น ๆ เพิ่มเติม ช่วยลดการสะสมไขมันในร่างกายโดยอัตโนมัติ
2. ส่งเสริมระบบขับถ่ายและลดไขมันในเลือด
ไฟเบอร์ในบร็อคโคลี่ช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ และลดระดับไขมันในเลือด โดยเฉพาะไขมันอันตรายอย่างไตรกลีเซอไรด์ มีงานวิจัยยืนยันว่าอาหารที่เน้นพืชผักผลไม้ เช่น DASH Diet หรือ Plant-based Diet ส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจและลดความดันโลหิต
3. ลดเชื้อ H. pylori ต้นเหตุของโรคกระเพาะ
ซัลโฟราเฟนในต้นอ่อนบร็อคโคลี่ช่วยยับยั้งเชื้อ H. pylori ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องกับโรคกระเพาะและกรดไหลย้อน การบริโภคบร็อคโคลี่เป็นประจำมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคเหล่านี้ โดยเฉพาะเมื่อนำมากินร่วมกับกระเทียมสด
4. ให้โปรตีนสูงเมื่อเทียบกับพลังงานที่ได้รับ
ในปริมาณพลังงานเท่ากัน บร็อคโคลี่ให้โปรตีนมากกว่าสเต็ก โดยข้อมูลจาก USDA ระบุว่า บร็อคโคลี่ให้โปรตีน 11 กรัมต่อ 100 กิโลแคลอรี่ ขณะที่สเต็กให้เพียง 8 กรัม นอกจากนี้ยังมีไขมันต่ำและไม่มีคอเลสเตอรอล
5. ชะลอวัยและต้านเซลล์มะเร็ง
ซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านม ปอด ต่อมลูกหมาก และลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ยังปกป้องสมองจากภาวะเสื่อม และเสริมการทำงานของตับในการกำจัดสารพิษ
แหล่งอ้างอิง: https://wiseshopth.com/keru-sulforaphane/
วิธีปรุงบร็อคโคลี่อย่างไรให้ได้ซัลโฟราเฟนสูงสุด
การเปลี่ยนกลูโคราฟานินให้กลายเป็นซัลโฟราเฟน
ซัลโฟราเฟนไม่อยู่ในบร็อคโคลี่โดยตรง แต่เกิดจากการเปลี่ยนของสารตั้งต้น ที่ชื่อกลูโคราฟานิน (Glucoraphanin) โดยอาศัยเอนไซม์ไมโรซิเนส (Myrosinase)
หากต้มทันทีหลังหั่น เอนไซม์จะถูกทำลาย วิธีที่ถูกต้องคือ:
-
หั่นบร็อคโคลี่แล้วพักไว้ 40 นาที ก่อนนำไปปรุง
-
หากลืมรอ ให้โรยผงมัสตาร์ด 1/2 – 1 ช้อนชา เพื่อเติมเอนไซม์ไมโรซิเนส
-
หรือเติมผักสดในตระกูลเดียวกัน เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว หรือวาซาบิ

ผักตระกูลเดียวกับบร็อคโคลี่ที่ควรบริโภค
ผักตระกูล Cruciferous ที่ให้ซัลโฟราเฟนหรือสารคล้ายกัน ได้แก่:
-
กะหล่ำปลี
-
กะหล่ำดาว
-
ดอกกะหล่ำ
-
ผักกาดขาว
-
หัวไชเท้า
-
วอเตอร์เครส
-
เรดิช
-
วาซาบิ
ควรบริโภคผักเหล่านี้สลับกันทุกวัน เพราะซัลโฟราเฟนอยู่ในร่างกายได้เพียง 24 ชั่วโมง
ข้อควรระวังในการบริโภคบร็อคโคลี่
สำหรับผู้ที่ใช้ยาวาร์ฟาริน (Warfarin)
บร็อคโคลี่มีวิตามิน K สูง ซึ่งอาจรบกวนประสิทธิภาพของยาวาร์ฟาริน ควร:
-
แจ้งแพทย์ก่อนปรับการบริโภค
-
ไม่จำเป็นต้องงดผักใบเขียว แต่ควรให้แพทย์ปรับยาตาม
ยาชนิดอื่น เช่น แอสไพริน ไม่มีปฏิกิริยากับวิตามิน K
สนับสนุนอาหารธรรมชาติและเกษตรกรไทย
อาหารต้นทาง เช่น บร็อคโคลี่ให้ประโยชน์มากกว่าอาหารเสริมที่สกัดแยกสาร เพราะมีองค์ประกอบทางธรรมชาติที่ทำงานร่วมกันอย่างซับซ้อน ผู้บริโภคสามารถเลือกผักออร์แกนิกจากแหล่งผลิตในประเทศ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรไทย และลดการได้รับสารเคมีตกค้าง
สรุป
บร็อคโคลี่เป็นมากกว่าผักธรรมดา เพราะสามารถส่งผลดีต่อสุขภาพในหลายมิติ ตั้งแต่การลดน้ำหนัก ขับถ่ายดี ไปจนถึงต้านมะเร็ง ควรบริโภคอย่างถูกวิธีเพื่อรักษาคุณค่าของสารซัลโฟราเฟน และผสมผสานกับผักตระกูลเดียวกันเพื่อผลลัพธ์ระยะยาว