Choline ( โคลีน )
คือ สารอาหารที่จัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินบีคอมเพล็กซ์ แม้ว่าร่างกายสามารถสังเคราะห์โคลีนได้เองในปริมาณหนึ่ง แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงจำเป็นต้องได้รับจากอาหารเพิ่มเติม
Choline พบมากใน
- ไข่: โดยเฉพาะไข่แดงเป็นแหล่งโคลีนที่ดีที่สุด ไข่แดงขนาดใหญ่หนึ่งฟองมีโคลีนประมาณ 147 มก.
- เนื้อสัตว์: เช่น ตับ เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ ปลา (ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาคอด ปลานิล)
- พืช: ถั่วต่างๆ (ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วลันเตา ถั่วลิสง ถั่วพิสตาชิโอ มะม่วงหิมพานต์) ผักใบเขียว (ผักโขม บร็อคโคลี ดอกกะหล่ำ) เห็ดหอม จมูกข้าวสาลี
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม
Choline มีสรรพคุณ
- เสริมสร้างการทำงานของสมองและระบบประสาท: เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสารสื่อประสาทอะซิทิลโคลีน (acetylcholine) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความจำ การเรียนรู้ และการควบคุมกล้ามเนื้อ ช่วยป้องกันภาวะความจำเสื่อมและอาจมีบทบาทในการรักษาโรคอัลไซเมอร์
- ช่วยในการเผาผลาญไขมัน: มีบทบาทในการเคลื่อนย้ายและสลายไขมันออกจากตับ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคตับไขมัน
- ส่งเสริมสุขภาพของตับ: ช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในตับ และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคตับไขมันและโรคตับอักเสบ
- ลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน: ช่วยเพิ่มระดับ HDL (ไขมันดี) และลดระดับ LDL (ไขมันเลว) และคอเลสเตอรอลรวม จึงช่วยป้องกันภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือดและโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ช่วยกำจัดสารพิษและยาที่ตกค้างในร่างกาย: โดยเสริมการทำงานของตับ
- ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับง่ายขึ้น
Choline ฟอร์มไหนดูดซึมดีที่สุด?
โคลีนมักอยู่ในรูปของ ฟอสฟาติดิลโคลีน (Phosphatidylcholine) ซึ่งพบมากในไข่ โดยเฉพาะไข่แดง และเป็นรูปแบบที่ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่าแหล่งโคลีนอื่น ๆ
Choline ปริมาณที่งานวิจัยแนะนำต่อวัน
สำหรับผู้ชายอายุ 19 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ชายวัย 45 ปี ปริมาณโคลีนที่แนะนำต่อวันตามข้อมูลจากประเทศสหรัฐอเมริกาคือ 550 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างไรก็ตาม บางแหล่งข้อมูลในยุโรปแนะนำ 400 มิลลิกรัมต่อวัน
สิ่งสำคัญคือ ควรได้รับโคลีนจากอาหารเป็นหลัก และหากต้องการเสริมในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อน เนื่องจากความต้องการโคลีนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางพันธุกรรมและภาวะสุขภาพ เช่น ผู้ที่เป็นโรคไขมันพอกตับอาจต้องการโคลีนมากกว่าปริมาณที่แนะนำ