Ginkgo Biloba หรือ แปะก๊วย
เป็นพืชสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน เกาหลี และญี่ปุ่น เป็นพืชที่มีประวัติยาวนานกว่า 270 ล้านปี จึงถูกขนานนามว่าเป็น “ฟอสซิลที่มีชีวิต”
แปะก๊วย พบมากที่ไหน?
Ginkgo Biloba พบมากในแถบภูเขาทางตะวันตกของนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และมีการนำไปปลูกแพร่หลายในญี่ปุ่นพร้อมกับการเผยแผ่ศาสนาพุทธนิกายเซน
แปะก๊วย มีสรรพคุณ
- บำรุงสมองและความจำ: ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมอง ทำให้สมองได้รับออกซิเจนและสารอาหารเพียงพอ ช่วยเพิ่มสมาธิ ความคิด และความจำ ป้องกันโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์
- ต้านอนุมูลอิสระ: มีสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และเทอร์พีนอยด์ (Terpenoids) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องเซลล์สมองและเซลล์อื่นๆ จากความเสียหาย
- เพิ่มการไหลเวียนโลหิต: ช่วยขยายหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดเล็กๆ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นทั่วร่างกาย รวมถึงปลายมือปลายเท้า ลดอาการชา
- ลดอาการวิงเวียนศีรษะและหูอื้อ: เนื่องจากช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองและหูชั้นใน
- ลดอาการวิตกกังวลและความเครียด: มีส่วนช่วยในการปรับสมดุลของสารสื่อประสาท
- บำรุงสายตา: ป้องกันการเกิดโรคเบาหวานขึ้นตา และอาจช่วยป้องกันและรักษาโรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม
- ลดการอักเสบ: มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ
แปะก๊วย ฟอร์มไหนดูดซึมดีที่สุด?
ปัจจุบันมีการวิจัยและใช้ สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo Biloba Extract) เป็นหลัก เนื่องจากมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ได้จริงและควบคุมปริมาณได้ง่าย โดยสารสำคัญหลักๆ คือ กิงโกะฟลาโวนไกลโคไซด์ (Ginkgo Flavone Glycosides) และเทอร์ปีนแลคโตน (Terpene Lactones) การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสำคัญทั้ง 2 ชนิดนี้ในอัตราส่วนที่เหมาะสม (เช่น กิงโกะฟลาโวนไกลโคไซด์ 22-27% และเทอร์ปีนแลคโตน 5-7%) จะมีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ บางผลิตภัณฑ์อาจมีการผสานกับสารอื่นๆ เช่น ฟอสโฟไลปิด ในรูปแบบไฟโตโซม (Phytosome) เพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึม
สำหรับรูปแบบของผลิตภัณฑ์ อาจมีทั้งแบบแคปซูลแข็งและแคปซูลนิ่ม ซึ่งแคปซูลนิ่มมักจะถูกระบุว่าสามารถแตกตัวและดูดซึมได้ดีกว่า
สารสกัดจากใบ แปะก๊วย ปริมาณที่งานวิจัยแนะนำต่อวัน
ปริมาณสารสกัดจากใบแปะก๊วยที่แนะนำในการบำรุงสมองและระบบไหลเวียนโลหิตจะอยู่ที่ประมาณ 120 มิลลิกรัม ต่อวัน โดยอาจแบ่งรับประทาน 1-2 ครั้งต่อวัน (เช่น ครั้งละ 60 มิลลิกรัม 2 ครั้ง หรือ 120 มิลลิกรัม 1 ครั้ง) การรับประทานติดต่อกันอย่างน้อย 8 สัปดาห์ หรือ 3 เดือน มักจะเริ่มเห็นผล หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์
ข้อควรระวัง
- แปะก๊วยมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรระมัดระวังในผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด หรือผู้ที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัด
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้เสมอ