กินอย่างไรไม่ต้องนับแคลอรี่: ระบบอาหาร 3 สีเพื่อสุขภาพระยะยาว
การลดน้ำหนักและดูแลสุขภาพไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับการนับแคลอรี่ทุกมื้ออีกต่อไป แนวคิด “อาหารต้นทาง” (Whole Food Concept) และ “ระบบอาหารไฟ 3 สี” กำลังเป็นทางเลือกใหม่ที่เรียบง่ายและยั่งยืน โดยเน้นการเลือกอาหารที่ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุดแทนการคำนวณพลังงานอย่างละเอียดในทุกคำที่กิน
เหตุผลที่คุณไม่จำเป็นต้องนับแคลอรี่
1. ไม่มีใครทำได้ตลอดทั้งปี
การนับแคลอรี่ทุกมื้อในทุกวันตลอด 365 วันเป็นเรื่องยากและไม่มีความยั่งยืน แม้แต่ผู้ที่เริ่มต้นด้วยแรงจูงใจสูงก็มักล้มเลิกกลางทาง
2. คลาดเคลื่อนสูงถึง 25%
งานวิจัยพบว่าแม้แต่วิธีวัดแคลอรี่ที่แม่นยำที่สุดก็ยังมีข้อผิดพลาดได้ถึง 25% โดยแคลอรี่ในอาหารชนิดเดียวกันอาจเปลี่ยนไปตามวิธีการปรุงหรือความสุก เช่น มันฝรั่งดิบกับมันฝรั่งนึ่งจะให้พลังงานต่างกัน
แหล่งอ้างอิง : https://www.pnas.org/content/108/48/19199
3. ฉลากโภชนาการคลาดเคลื่อนถึง 20%
แม้แต่ฉลากโภชนาการจากผู้ผลิตอาหารก็ไม่สามารถวางใจได้เสมอไป งานวิจัยจาก U.S. FDA ระบุว่าความคลาดเคลื่อนสูงถึง 20% เป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้ทางกฎหมาย
แหล่งอ้างอิง : https://www.fda.gov/regulatory-information/search-fda-guidance-documents/guidance-industry-guide-developing-and-using-data-bases-nutrition-labeling#label
4. การดูดซึมแตกต่างกัน
หากกินแอลมอนด์ที่ระบุ 100 แคลอรี่ ร่างกายดูดซึมได้เพียง 78-79 แคลอรี่ เพราะโครงสร้างใยอาหารบางชนิดต้านการดูดซึม
แหล่งอ้างอิง : https://www.researchgate.net/publication/350840586_Almond_Bioaccessibility_in_a_Randomized_Crossover_Trial_Is_a_Calorie_a_Calorie
5. จุลินทรีย์ในลำไส้แต่ละคนแตกต่าง
แบคทีเรียในลำไส้มีบทบาทในการสกัดพลังงานจากอาหาร งานวิจัยชี้ว่า microbiome ที่ต่างกันส่งผลต่อแคลอรี่ที่ดูดซึมได้จากอาหารเดียวกัน
แหล่งอ้างอิง : https://www.nature.com/articles/nature07540

ปัญหาของระบบอาหาร 5 หมู่
หมู่ปะปนจนจัดหมู่ไม่ชัด
อาหารหนึ่งชนิดมีสารอาหารหลายประเภทในตัว เช่น อกไก่ที่จัดอยู่ในหมู่โปรตีนแต่มีไขมันสูง หรือ นมวัวที่พลังงานส่วนใหญ่เป็นไขมัน ไม่ใช่โปรตีน
แหล่งอ้างอิง : https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2039733/
แนวคิด “อาหารต้นทาง” ( Whole Food Concept )
อาหารที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด
อาหารต้นทางหมายถึงอาหารที่มนุษย์สามารถกินได้โดยผ่านกระบวนการแปรรูปน้อยที่สุด เช่น ข้าวกล้อง ผักสด ผลไม้ ถั่ว พืชหัว โดยยิ่งแปรรูปมาก สารอาหารจะยิ่งหายไป ในขณะที่พลังงาน น้ำตาล และสารปรุงแต่งจะเพิ่มขึ้น
แหล่งอ้างอิง : https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC6410904/



ระบบอาหารไฟ 3 สี: แนวทางกินง่ายแต่ได้ผล
แนวคิดนี้จัดกลุ่มอาหารตามระดับการแปรรูปและความใกล้ชิดธรรมชาติ เพื่อช่วยให้เลือกอาหารได้ง่ายโดยไม่ต้องนับแคลอรี่
อาหารสีเขียว
อาหารจากธรรมชาติแท้ ๆ แปรรูปน้อย ไม่มีไขมันหรือมีน้อยมาก เช่น:
- ผัก ผลไม้สด
- พืชหัว (มัน ฟักทอง เผือก)
- ข้าวกล้อง ธัญพืชเต็มเมล็ด
- ถั่วสดและถั่วต้ม
กินได้ไม่จำกัด
อาหารสีเหลือง
แปรรูปเล็กน้อย หรือมีไขมันสูงแต่เป็นไขมันจากพืช:
- อะโวคาโด, เนื้อมะพร้าว
- ถั่วเปลือกแข็ง, เมล็ดทานตะวัน
- ผลไม้อบแห้ง, น้ำผลไม้คั้นสด
- ขนมปังโฮลวีต
กิน 1–3 ฝ่ามือต่อมื้อ
อาหารสีแดง
อาหารแปรรูปสูง อุดมด้วยไขมัน น้ำตาล หรือโปรตีนจากสัตว์:
- น้ำมันพืช, เบคอน, ชีส
- ไส้กรอก, ขนมกรุบกรอบ
- ขนมหวาน, เครื่องดื่มรสหวาน
ควร “ชิม” เท่านั้น กินเฉพาะเวลาพิเศษ
สูตรอาหารเพื่อสุขภาพตามแนวคิด Whole Food
เน้นใช้วัตถุดิบ “เขียว-เหลือง” โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจากพืช เช่น ถั่ว ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต เผือก มัน แล้วล้อมด้วยผักผลไม้
ตัวอย่างเมนู:
- กระเพราโปรตีนเกษตรใส่พริกหวาน
- ต้มยำเห็ด
- ลาบเห็ด
- ผัดผักบุ้งน้ำซุป
- เต้าหู้ทรงเครื่อง
- ข้าวกล้องกับถั่วแดงต้ม
สูตรเหล่านี้ช่วยให้อิ่มนาน 4–6 ชั่วโมง ลดความอยากของหวาน
สรุป: กินอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องคำนวณ
- เลิกนับแคลอรี่ เพราะไม่มีความแม่นยำและยั่งยืน
- อาหารชนิดหนึ่งมีหลายสารอาหาร ไม่ควรจำกัดหมู่
- ใช้แนวคิด “อาหารต้นทาง” + ระบบ 3 สี
- เน้นอาหารสีเขียว–เหลือง โดยเฉพาะกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจากพืช
- กินเพื่อคุณภาพ ไม่ใช่เพียงเพื่อพลังงาน
“คนสำเร็จทำเยอะ คาดหวังน้อย แล้วก็มีความสุข ส่วนคนล้มเหลวทำแค่นิดเดียว แต่คาดหวังสูง แล้วก็เครียด”
สารบัญ บทความ โภชนบำบัด อาหารบำบัดโรค