Executive Function: สมองที่คิดเป็น ทำเป็น ควบคุมได้
ทักษะที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 21 อาจไม่ใช่ความจำหรือความเก่งเฉพาะด้าน แต่คือ Executive Function (EF) หรือความสามารถของสมองในการควบคุม ความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
EF คืออะไร และอยู่ตรงไหนของสมอง?
EF คือชุดทักษะที่อาศัยการทำงานของ สมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) ซึ่งอยู่หลังหน้าผาก เป็นจุดที่สั่งการให้เราคิดก่อนทำ หยุดเมื่อควรหยุด และเปลี่ยนแผนเมื่อเจอปัญหา
สมองมนุษย์มีเซลล์ประสาทแสนล้านเซลล์ และจุดเชื่อมต่อประสาทอีกกว่าร้อยล้านล้านจุด EF จึงไม่ใช่แค่พฤติกรรม แต่คือกลไกชีวภาพที่ซับซ้อนและสามารถพัฒนาได้
โลกเปลี่ยน เด็กก็เปลี่ยน เป้าหมายก็ไม่เหมือนเดิม
อาจารย์เปรียบเทียบว่า 50 ปีก่อน เป้าหมายชีวิตของเด็กไทยมักเรียบง่าย เช่น สอบติดหมอ หรือเรียนมหาวิทยาลัยดี ๆ
แต่วันนี้ เด็ก Gen Z และ Alpha เปิดโลกได้ด้วยอินเทอร์เน็ต เห็นอาชีพมากมายใน 200 ประเทศทั่วโลก เด็กบางคนอยากเป็นนักพากย์ยูทูบ แฮกเกอร์ที่ดี หรือเกษตรกรออร์แกนิก
เมื่อโลกเต็มไปด้วยทางเลือก EF จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการ “เลือกให้เป็น” และ “ไปให้ถึง”
EF ช่วยให้เด็กตอบคำถาม 2 ข้อสำคัญในชีวิตได้
-
สิ่งที่อยากเป็นนั้นใช่จริงไหม?
-
แล้วมีปัญญาไปถึงหรือเปล่า?
หากเด็กมี EF ที่ดี เขาจะรู้ว่า ตนเองถนัดอะไร (Competency) และ หลงใหลอะไร (Passion) ซึ่งไม่ได้มาจากตำราหรือการนั่งนิ่ง ๆ แต่มาจากการ เล่นมากพอ และได้ลองมากพอ
พีระมิด 5 ชั้นของ EF: ปั้นสมองให้คิดและควบคุมตัวเองได้
EF ไม่ใช่ของที่เกิดขึ้นเอง แต่เติบโตขึ้นเป็นชั้น ๆ เหมือนพีระมิด โดยเริ่มตั้งแต่วัยแรกเกิดไปจนถึงวัยรุ่น
ชั้นที่ 1: รากฐานของสมองที่ควบคุมชีวิต
ประกอบด้วย 3 สิ่งสำคัญ:
-
แม่ที่มีอยู่จริง – เด็กต้องเห็นแม่ ตอบสนองได้ และรู้ว่าแม่จะอยู่
-
สายสัมพันธ์ (Attachment) – เส้นใยบาง ๆ ที่เชื่อมแม่กับลูก ไม่ว่าใครจะอยู่ไกลแค่ไหน
-
ตัวตน (Self) – ประธานของชีวิตที่จะไปสู่เป้าหมายในอนาคต
แม้จะดูเรียบง่าย แต่ทั้งหมดนี้คือ “Proto-EF” หรือจุดเริ่มต้นของวงจรสมองที่ซับซ้อนในอนาคต
ชั้นที่ 2-3: พัฒนาการควบคุมตนเองผ่านร่างกาย
-
ชั้นที่ 2 (อายุ 2–3 ขวบ) – เด็กใช้กล้ามเนื้อใหญ่ เรียนรู้กฎ กติกา และฝึก “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน”
-
ชั้นที่ 3 (อายุ 4–5 ขวบ) – เด็กใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก โดยเฉพาะ นิ้วมือทั้ง 10 เพื่อเล่น ปั้น ระบาย และสร้าง จุดประสานสมองจะเชื่อมโยงอย่างเต็มที่
การ “เล่น” คือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการฝึก EF ให้แข็งแรงตั้งแต่ชั้นต้น
ชั้นที่ 4: เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น
เด็กเข้าสู่ระบบโรงเรียน พบเจอเพื่อน รู้จักการตีกัน ดีกัน และร่วมมือกัน
นี่คือช่วงที่เด็กเริ่มพัฒนา Social EF เช่น การฟังเพื่อน การรอคิว และการประนีประนอม ซึ่งเป็นรากฐานของการทำงานเป็นทีมในอนาคต
ชั้นที่ 5: ค้นหาอัตลักษณ์ในช่วงวัยรุ่น
ช่วง ม.ต้น–ปลาย เด็กจะเริ่มตั้งคำถามว่า “ฉันเป็นใคร” “อยากเป็นอะไร” และ “ทำไมพ่อแม่ต้องบังคับฉัน”
ในช่วงนี้ เด็กมักละเมิดกฎเพื่อค้นหาอัตลักษณ์ของตัวเอง พ่อแม่อาจสับสน โกรธ หรือเหนื่อยใจ แต่ความจริงคือสมองกำลังทดสอบ EF ของตัวเอง
เมื่อ EF เติบโตมากพอ เด็กจะค่อย ๆ เลือกตัวเองอย่างมั่นใจ และเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่คิดได้และดูแลตัวเองได้
EF ไม่ใช่ของสงวนเฉพาะเด็กเก่ง
อาจารย์เน้นว่า แม้ลูกจะเรียนในโรงเรียนธรรมดา ไม่ต้องเข้าหลักสูตรนานาชาติหรือวิทย์คณิต พ่อแม่ก็สามารถสร้าง EF ให้ลูกได้
แค่ อ่านนิทาน เล่นด้วยกัน และให้เด็กได้ทำงาน อย่างต่อเนื่อง ก็เพียงพอแล้วในการสร้างวงจรสมองที่แข็งแรง
สรุป: EF คือ “สมองที่บริหารได้” ไม่ใช่ “สมองที่ท่องจำเก่ง”
ในโลกที่เปลี่ยนเร็ว และทางเลือกเต็มไปหมด เด็กจะไม่ต้องการใครมาชี้ทาง แต่จะต้องใช้ EF ของตัวเองในการเลือกทางเดิน
และหากเขารู้จักตัวเองดี ควบคุมตัวเองได้ มีความจำใช้งานที่พร้อม และคิดยืดหยุ่นเป็น เขาจะ “เลือกได้อย่างมั่นใจ และไปได้ถึงเป้าหมายของตัวเอง”