ชื่อ – ชนิด พันธุ์
พุดตานเปลี่ยนสี หรือ ดอกสามผิว,ดอกสามสี
ชื่อวิทยาศาสตร์
Hibiscus Mutabilis (L.)
ประวัติ
มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน ได้ชื่อว่า Hibiscus of China เชื่อว่าถูกนำเข้ามาปลูกในเมืองไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ถึงรัชกาลที่ 3 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่มีการนำพันธุ์พืชมากมายหลายชนิดมาจากประเทศจีน
รูปร่าง รูปทรง ( ต้น ใบ ดอก ผล )
- พุดตานจัดเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง สูง 2-5เมตร ตามต้นและกิ่งมีขนสั้นๆ สีเทาลักษณะคล้ายดาวทั่วทั้งต้น
- ใบ เป็นใบเดี่ยวออกสลับกัน ยาว 10-20ซม. กว้าง 9-22ซม. ลักษณะคล้าย มี 3-5แฉก แต่ละแฉกมีปลายแหลม ฐานใบกว้างโค้งคล้ายหัวใจ มีเส้นใบใหญ่ออกจากโคนใบ ขอบใบมีรอยยักตื้นๆ ผิวใบด้านบนและด้านล่างมีขนลักษณะดาว ก้านใบยาว 4-10ซม. โดยใบของพุดตานมีใบคล้ายใบของพืชวงศ์เดียวกับอีกชนิดหนึ่งคือฝ้าย
- ดอก ออกเป็นช่อข้างใบ ก้านดอกยาว 7-10ซม. เมื่อดอกแรกแย้มในตอนเช้ามีสีขาว ตอนสายสีดอกจะเข้มขึ้นเป็นสีชมพู ตอนบ่ายเป็นสีแดงเข้ม มีกลีบก่อนกลีบเลี้ยงเป็นเส้นปลายแหลม 8-10เส้น ยาว 1.5-25ซม. มีขน กลีบเลี้ยงมี 5กลีบ ยาว 3-4ซม. มีขน กลีบดอกใหญ่สวยงามมี 5กลีบ บางครั้งอาจมีกลีบช้อนกัน 2ชั้นก็ได้ ด้านนอกมีขน
- ผล มีลักษณะเป็นรูปทรงกลม ขนาดประมาณ 2.5เซนติเมตร เมื่อผลแก่จะแตกออกเป็น 5กลีบ ในผลมีเมล็ด ลักษณะคล้ายรูปไต มีขนยาวสีขาว
ความสูงเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่
สูง 2-5เมตร
ความกว้างทรงพุ่มเมื่อโตเต็มที่
พุ่มขนาดกลางกว้าง 2-3 เมตร
ความต้องการแสง
- ต้องการแสงแดด 100 %
ความต้องการน้ำ
- การรดน้ำสามารถรดได้วันละ 1 ครั้งเป็นประจำ
ชอบดินประเภท
- ชอบดินร่วน
ประโยชน์การใช้สอย
- รากช่วยแก้อาการไอหอบ มีระดูขาว
- รากพุดตานช่วยแก้ฝีบวม ฝีฝักบัว ฝีหัวแก่ได้
- ใบช่วยแก้อาการตาแดงบวม
- ใบ, ราก ใช้เป็นยารักษาแก้งูสวัด
- ใบ ช่วยแก้ผดผื่นคันที่เกิดจากความชื้น
- รากและลำต้นมีเนื้อไม้สีเหลืองแข็ง ลายละเอียด สามารถใช้ตกแต่งทำเป็นด้ามเครื่องมือเครื่องใช้ได้อย่างสวยงาม ส่วนก้านสามารถนำมาใช้ทำความสะอาดฟันได้
การเก็บเกี่ยว
- ออกดอกดกตลอดปี
การขยายพันธุ์
- เพาะเมล็ด
- ปักชำ
- ตอนกิ่ง
คลิกเพิ่มเพื่อน! แจ้งเตือนบทความใหม่ก่อนใคร ฟรี!!
ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- สารบัญ