พัฒนาการของเด็ก: จากศูนย์กลางสู่การทำงานเป็นทีม
เด็กเล็กไม่ได้เห็นโลกเหมือนผู้ใหญ่
พัฒนาการของเด็กเริ่มต้นจาก “ศูนย์กลาง” — เด็กจะมองโลกผ่านมุมมองของตัวเองเป็นหลัก มองไม่เห็นว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไร หรือคิดต่างอย่างไร และนั่นเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กเล็ก โดยเฉพาะก่อนอายุ 7 ขวบ
คุณหมอประเสริฐ อธิบายว่า เด็กควรได้ “เล่นทราย” ในช่วง 7 ปีแรก เพื่อฝึกกล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก การเล่นจึงไม่ใช่เรื่องไร้สาระ แต่มันคือกระบวนการเรียนรู้ของร่างกายและสมอง เด็กที่ยังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์สังคม เช่น การแบ่งปัน การขอของเล่น หรือการรอคิว — ไม่ได้ผิด เพียงแค่พวกเขายังอยู่ในช่วงพัฒนา
พัฒนาการทางสังคม: จากการเล่นคนเดียว สู่การทำงานเป็นทีม
เมื่อเด็กเติบโตเข้าสู่วัยเรียน (ประมาณ 7–12 ปี) พัฒนาการของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เด็กเริ่มเปิดรับคนอื่น และเข้าสู่กระบวนการ “ฝึกอยู่ร่วมกับสังคม” ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก:
- การแข่งขัน – เด็กเริ่มอยากเอาชนะ อยากเป็นที่หนึ่ง
- การประนีประนอม – เมื่อเกิดความขัดแย้ง เด็กจะเริ่มเรียนรู้วิธีเจรจา
- การร่วมมือ – สุดท้าย เด็กจะรู้ว่า ถ้าทำงานเป็นทีม จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
นี่คือพัฒนาการลำดับที่ 4 ตามแนวคิดพีระมิดพัฒนาการ เด็กไม่ได้ไปโรงเรียนเพื่อแค่เรียนหนังสือ แต่เพื่อ “เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน”
ช่วงวิกฤตของการเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน
ช่วงวัยประถม (7–12 ปี) คือช่วงเวลาสำคัญหรือ critical period ของการฝึกทำงานร่วมกับผู้อื่น หากเด็กไม่ได้รับโอกาสฝึกฝนทักษะนี้ในวัยนี้ การเรียนรู้ก็จะยากขึ้นในอนาคต
แต่ในความเป็นจริง ระบบการศึกษาไทยกลับไปในทิศทางตรงกันข้าม เด็กถูกแยกให้นั่งเดี่ยวๆ ถูกวัดผลด้วยคะแนน ถูกกระตุ้นให้แข่งขัน และท่องจำมากกว่าทำงานร่วมกัน
ระบบที่เน้นการแข่งขัน ทำร้ายอนาคตของทั้งเด็กและประเทศ
เมื่อเด็กคุ้นชินกับการแข่งขันแบบเดี่ยว พวกเขาจะขาดทักษะการฟัง เห็นต่าง และทำงานร่วมกันในระยะยาว นี่คือปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไม่ได้กระทบแค่เด็ก แต่ส่งผลต่อศักยภาพของสังคมไทยโดยรวม
หากเรายังยึดมั่นในระบบที่วัด “ความเก่งรายบุคคล” โดยไม่ส่งเสริมการสร้างทีม ระบบเศรษฐกิจนวัตกรรมที่ต้องการการประสานงาน การแลกเปลี่ยนความคิด และการทำงานข้ามสายงาน — ก็จะเป็นไปได้ยาก
ถึงเวลาเปลี่ยน: จากห้องเรียนแยกเดี่ยว สู่พื้นที่เรียนรู้ร่วมกัน
หากเราต้องการพัฒนา “ทุนมนุษย์” ให้พร้อมสำหรับโลกยุคใหม่ การศึกษาไทยต้องหันมาให้ความสำคัญกับ “การร่วมมือ” ไม่ใช่แค่ “การแข่งขัน” การให้เด็กได้ลงมือทำ ได้ผิด ได้ลอง ได้ทำงานกลุ่ม คือรากฐานของอนาคตที่ดีกว่า