ชื่อ – ชนิด พันธุ์
ยางเหียง หรือ ตาด, ซาด, เห่ง, คร้าด, เหียงพลวง เหียงโยน, สะแบง
ชื่อวิทยาศาสตร์
Dipterocarpus obtusifolius Teijsm. ex Miq
ประวัติ
เหียง เป็นไม้เด่นที่พบในป่าเต็งรังที่ทางภาคพายัพเรียก “ป่าเพาะ” ทางอีสาน เรียก “ป่าโคก” ตัวอย่างป่าเต็งรัง ได้แก่ พลาญป่าชาด (อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย) จังหวัดอุบลราชธานี
รูปร่าง รูปทรง ( ต้น ใบ ดอก ผล )
- ต้นเหียง จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 8-28 เมตร ลำต้นเปลาตรง แตกกิ่งก้านน้อย เรือนยอดเล็ก เปลือกลำต้นหนาเป็นสีน้ำตาลหรือเทา แตกเป็นสะเก็ดหนาและเป็นร่องลึก ตามยาว เนื้อไม้เป็นสีแดงอ่อนถึงสีน้ำตาลปนแดง ตามกิ่งอ่อนและใบมีขนสีขาวขึ้นปกคลุม
- ใบเหียง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ขนาดใหญ่ ปลายใบมน โคนใบมนหรือหยักเว้าตื้น ฐานเป็นรูปหัวใจ ส่วนขอบใบเรียบเป็นหยักคลื่นตามเส้นใบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 10-18 เซนติเมตร และยาวประมาณ 15-30 เซนติเมตร ใบอ่อนมีขนยาวแหลม ผิวใบด้านหลังใบและท้องใบมีขนเล็กน้อย ด้านหลังใบเป็นสีเขียวเข้ม มีขนตามเส้นใบและขอบใบ เนื้อใบหนาคล้ายแผ่นหนัง มีขนสีน้ำตาล ส่วนท้องใบเป็นสีบรอนซ์ออกสีเขียวและมีขนรูปดาวตามเส้นใบ และขนสีขาวยาวกว่าด้านหลังใบ มีเส้นใบข้างประมาณ 10-18 คู่ มีขนสีน้ำตาลอมเหลือง ก้านใบยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร มีขนขึ้นหนาแน่น แผ่นใบจีบเป็นร่องระหว่างเส้นแขนงใบ เส้นใบเป็นสันเห็นได้จากด้านท้องใบ ส่วนใบอ่อนมีลักษณะพับเป็นจีบชัดเจนตามแนวเส้นแขนงใบ มีหูใบหุ้มยอดอ่อน หูใบมีลักษณะเป็นรูปแถบกว้าง ปลายมน ยาวประมาณ 7-12 เซนติเมตร เป็นสีชมพูสด ผิวด้านนอกมีขนสั้นหนานุ่ม
- ดอกเหียง ออกดอกรวมกันเป็นช่อเดียวตามซอกใบใกล้บริเวณปลายกิ่ง กลุ่มละประมาณ 3-7 ดอก ดอกมีขนาดประมาณ 3.5-5 เซนติเมตร ก้านช่อดอกยาวประมาณ 2-5 เซนติเมตร มีขนหนาแน่น แกนก้านเป็นรูปซิกแซก ก้านดอกย่อยมีตั้งแต่สั้นมากจนถึงยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ดอกเหียงมีกลีบดอก 5 กลีบ กลีบดอกเป็นสีชมพูสด ลักษณะของกลีบเป็นรูปกรวย โคนกลีบชิดกันปลายบิดเวียนเป็นรูปกังหัน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-5 เซนติเมตร ส่วนขนาดของกลีบกว่างประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร และยาวประมาณ 4.8-5 เซนติเมตร ผิวด้านนอกมีขนสั้นเป็นรูปดาวขึ้นปกคลุม ดอกมีเกสรเพศผู้ประมาณ 30 อัน อัดกันแน่นรอบรังไข่ อับเรณูมีลักษณะเป็นรูปหัวลูกศร รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ มีขน มี 3 ช่อง ในแต่ละช่องจะมีออวุล 2 เม็ด ส่วนกลีบเลี้ยงดอกนั้นมี 5 กลีบ ขนาดประมาณ 1.4 เซนติเมตร มีขนหนาแน่น ใบประดับที่ก้านดอกย่อยมีลักษณะเป็นรูปแถบหรือรูปใบหอก โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ยาวได้ประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ส่วนปลายแยกเป็นแฉก 5 แฉก มีสองขนาด คือ แฉกยาว 2 แฉก มีขนาดกว้างประมาณ 2-3 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร และแฉกสั้นอีก 3 แฉก มีขนาดกว้างประมาณ 3 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 4-5 มิลลิเมตร โดยต้นเหียงจะออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม เมื่อดอกบานเต็มที่แล้วจะร่วงลงสู่พื้น
- ผลเหียง ผลเป็นผลแห้งแบบผลผนังชั้นในแข็ง ผลมีลักษณะกลมแข็ง เกลี้ยงไม่มีสันหรือปุ่มด้านบน ผลเมื่ออ่อนจะยังมีขนปกคลุมอยู่ เมื่อแก่แล้วผมจะเรียบเกลี้ยง ผลแก่จะเป็นสีน้ำตาลเป็นมัน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร และมีปีกที่พัฒนามาจากกลีบเลี้ยงของดอก 5 ปีก แบ่งเป็นปีกยาวที่มีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน 2 ปีก โดยมีขนาดกว้างประมาณ 2.3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 13 เซนติเมตร มีเส้นตามยาวปีก 1 เส้น ส่วนเส้นย่อยสานกันเป็นร่างแห และอีก 3 ปีกเล็ก ที่มีขนาดยาวได้ประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร มีหยักลึก โดยปีกออ่อนจะเป็นสีแดงสด และภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด โดยต้นเหียงจะติดผลในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน
ความสูงเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่
สูง 10 – 28 เมตร
ความกว้างทรงพุ่มเมื่อโตเต็มที่
ทรงพุ่มกว้าง 8- 10 เมตร
ความต้องการแสง
- ต้องการแดด 100 %
ความต้องการน้ำ
- รดน้ำ 2 -3 ครั้ง/สัปดาห์
ชอบดินประเภท
- ชอบดินร่วน
ประโยชน์การใช้สอย
- กลีบดอกเหียงเป็นผักชนิดหนึ่ง ที่มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย สามารถนำมารับประทานได้ โดยชาวบ้านจะใช้จิ้มกับน้ำพริกรับประทาน
- ใบเหียงแก่สามารถนำมาเย็บเป็นตับใช้มุงหลังคาหรือเถียงนาหรือกั้นเป็นฝาได้เหมือนใบพลวง ทางภาคเหนือจะใช้ใบแก่นำมาห่อยาสูบและห่อของสด ห่ออาหาร ห่อข้าวเหนียว หรืออาหารอื่น ๆ ซึ่งใช้แทนใบกล้วย
- ยางไม้หรือน้ำมันจากลำต้นใช้ยาเครื่องจักสาน ยาไม้ ยาแนวเรือ ทำไต้ ทาไม้
- ยางใช้ผสมกับเนื้อไม้ผุแล้วนำมาอัดใส่กระบอกไม้ไผ่ใช้เป็นเชื้อเพลิง จุดไฟ ใช้เปลือกไม้บง บดให้ละเอียดผสมกับขี้เลื่อยและกาว ใช้ทำเป็นธูป หรือนำมาผสมกับกำมะถัน ใช้ทำเป็นยากังยุงได้ดี (โดยปกติแล้วจะใช้เปลือกต้นที่มีอายุ 6-7 ปี) เนื้อไม้ของต้นเหียงมีสีแดงอ่อนถึงสีน้ำตาลปนแดง เสี้ยนไม้ค่อนข้างตรง เนื้อไม้มีความหยาบแต่สม่ำเสมอ มีความแข็ง เลื่อยผ่าไสกบตบแต่งได้ง่าย สามารถนำมาใช้ในงานก่อสร้างทั่วไป ที่อยู่อาศัย สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ภายในร่ม เครื่องใช้สอย เครื่องจักสาน เช่น เสา รอด ตง คาน พื้น ฝา ขื่อ กระเบื้องไม้ปูฟื้น เครื่องมาทางการเกษตร กังหันน้ำ เป็นต้นส่วนของคนเมืองจะใช้เนื้อไม้ของต้นเหียงมาใช้ทำฟืน
การเก็บเกี่ยว
- ออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม
- ติดผลในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน
การขยายพันธุ์
- เพาะเมล็ด
คลิกเพิ่มเพื่อน! แจ้งเตือนบทความใหม่ก่อนใคร ฟรี!!
ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- สารบัญ