ชื่อ – ชนิด พันธุ์
คีเปล
ชื่อวิทยาศาสตร์
Steleshocarpus Burahol
ประวัติ
มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ในสมัยโบราณ ต้นไม้ชนิดนี้จะปลูกได้เฉพาะในพระราชวังเท่านั้น บุคคลทั่วไปห้ามปลูกโดยเด็ดขาด ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินจะให้มเหสีหรือนางสนมรับประทานผลของคีเปล เพื่อให้มีกลิ่นกายหอม นับได้ว่าเป็นพรรณไม้ที่แปลกและหายากอีกชนิดหนึ่ง
รูปร่าง รูปทรง ( ต้น ราก ใบ ดอก ผล )
- ลำต้นมีความสูงตั้งแต่ประมาณ 10-21 เมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 40 ซม. เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาล เรียบ แตกกิ่งก้านสาขามากมาย
- ใบมีลักษณะเป็นรูปรี โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบมีสีเขียวเป็นมัน มีขนาดความกว้างประมาณ 3-5 ซม. ยาวประมาณ 6-8 ซม. ใบที่ยังอ่อนอยู่จะมีสีแดงอมชมพู ออกเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกันที่ปลายกิ่ง
- ดอกออกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบและกิ่งก้าน ในแต่ละช่อประกอบไปด้วยดอกย่อยสีเหลืองขนาดเล็กจำนวนหลายดอก มีกลีบดอกและกลีบเลี้ยงอย่างละ 4 กลีบ มีเกสรรวมกันเป็นกระจุกอยู่บริเวณกลางดอก ให้ดอกได้ประมาณปีละ 2 ครั้ง เมื่อดอกบานจะส่งกลิ่นหอมแรงไปตลอดทั้งวัน
- มีลักษณะเป็นรูปทรงกลมขนาดใหญ่เท่ากำมือ ติดผลบริเวณลำต้นเป็นจำนวนมาก ผลอ่อนมีสีน้ำตาลผิวหยาบ ต่อมาจะกลายเป็นสีขาวอมเหลืองผิวเรียบ และเมื่อแก่จัดจะมีสีน้ำตาลเข้ม ก้านผลยาวห้อยลงมา เนื้อภายในผลมีสีเหลืองฉ่ำน้ำ รสหวานและหอมมาก หลังจากติดดอกมาได้ประมาณ 3-4 เดือน ก็จะเริ่มให้ผล ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม และในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม การติดผลในช่วงแรกจะดกกว่าในช่วงที่สอง
ความสูงเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่
สูง 10 – 20 เมตร
ความกว้างทรงพุ่มเมื่อโตเต็มที่
ทรงพุ่มกว้าง 5 – 10 เมตร
ความต้องการแสง
- ต้องการแสงแดด 100%
ความต้องการน้ำ
- รดน้ำ 2 – 3 วัน/ครั้ง
ชอบดินประเภท
- ชอบดินร่วนซุย
ประโยชน์การใช้สอย
- ผลมีรสหวาน กลิ่นหอม เมื่อรับประทานเข้าไปจะทำให้เหงื่อและกลิ่นตัวหอมสดชื่น และยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยให้ถ่ายปัสสาวะได้คล่องไม่ติดขัด สิ่งที่ถูกขับถ่ายออกมาจากร่างกายไม่มีกลิ่นแรงจนเกินไป
การเก็บเกี่ยว
- หลังจากติดดอกมาได้ประมาณ 3-4 เดือน ก็จะเริ่มให้ผล ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม และในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม การติดผลในช่วงแรกจะดกกว่าในช่วงที่สอง
การขยายพันธุ์
- การเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง
คลิกเพิ่มเพื่อน! แจ้งเตือนบทความใหม่ก่อนใคร ฟรี!!
ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- สารบัญ