พยอม หรือ แดน,ยางหยวก,กะยอม,เชียง,เซียว,เซี่ย,พะยอมทอง,ขะยอมดง,พะยอมดง,สุกรม,คะยอม ขะยอม,ยอม,ขะยอม,พะยอมแดง,แคน ( Shorea Roxburghii G.Don)

ต้นมีความสูงประมาณ 15-20 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางของลำต้นอาจยาวถึง 300 เซนติเมตร เปลือกต้นมีสีน้ำตาลหรือสีเทาเข้ม แตกเป็นร่องตามยาวและเป็นสะเก็ดหนา ส่วนเนื้อไม้มีสีเหลืองถึงสีน้ำตาล ลักษณะของต้นเป็นทรงพุ่มกลมสวยงามมาก แตกกิ่งก้านจำนวนมาก ถ้าหากปลูกในที่โล่งแจ้งและไม่มีพรรณไม้ใหญ่ชนิดอื่นอยู่ใกล้ ๆ

ว่านหางจระเข้ หรือ หางตะเข้,ว่านไฟไหม้ (Aloe Vera (L.) Burm.f.)

ต้นเป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูงประมาณ 0.5 – 1 เมตร ลำต้นเป็นข้อปล้องสั้น เนื้ออ่อน อวบน้ำ ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนรอบต้น ใบหนาและรูปร่างยาว โคนใบใหญ่ ปลายใบแหลม ริมใบหยักและมีหนาม ขอบใบเป็นหนามแหลมห่างกัน แผ่นใบสีเขียวใสและมีรอยกระสีขาว ใบจะอุ้มน้ำได้ดี ภายในมีวุ้นและเมือกใสสีเขียวอ่อนๆ

หมาก หรือ หมากเมีย,หมากสง,เซียด,มะ,เค็ด,พลา,สะลา,สีซะ,หมากมู้,ปีแน,ปิงหวาง,ปีงน๊อ (Areca Catechu Linn.)

ถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย และในปัจจุบันก็ยังสามารถพบได้ในเขตร้อนหลายประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึงบางส่วนของทวีปแอฟริกา เช่นประเทศอินเดีย ศรีลังกา พม่า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย

จิงจูฉ่าย หรือ โกฐจุฬาลัมพาขาว ( Artemisia Lactiflora)

ต้นมีรากแก้วใหญ่ มีรากแขนงเล็กๆ ยึดดินไว้มั่น เพื่อยึดแขนงที่แตกยอดรอบลำต้น ทั้งใบทั้งดอก ซึ่งงามเป็นพุ่มมากมาย เมื่อถอน 1 ต้น จะได้มาทั้งพุ่ม คล้ายผักชีแต่ใหญ่กว่ามาก ใบเป็นรูปรีขอบเป็นแฉกๆ 5 แฉกสีเขียว เนื้อใบหนา คล้ายต้นขึ้นฉ่าย

แมคคาเดเมีย (Macadamia Integrifolia Maiden & Betche)

ต้นแมคคาเดเมีย ต้นไม้ที่มีลักษณะสูงและตั้งตรง  เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วสามารถมีความสูงได้ถึง 20 เมตร  และแผ่กิ่งก้านสาขาออกได้กว้างถึง 20 เมตร   เป็นไม้ยืนต้นที่มีรูปทรงคล้ายพีรามิดสวยงามโดยจะมีความเขียวชอุ่มอยู่ตลอดทั้งปี ใบจะมีลักษณะเป็นรูปทรงรี  ในส่วนบริเวณขอบของใบจะมีหนามเล็กๆขึ้นอยู่บางๆประปรายรอบใบ  ใบจะมีสีเขียว-เขียวเข้ม   ผิวของใบมีลักษณะเรียบและมันเงา

เสม็ดขาว หรือ กือแล,เม็ด,เหม็ด, เสม็ด ( Melaleuca quinquenervia Cav.)

ต้นเมส็ด คือ ต้นไม้ที่มีขนาดของลำต้นค่อนข้างใหญ่และแข็งแรง เปลือกไม้จะมีสีขาวนวลทั้งหมด แล้วเรียงตัวกันเป็นชั้นๆ แต่พอแกะดูเปลือกด้านใน กลับกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน  ใบมีความเรียวยาว ปลายใบโค้งมน และมีเส้นใบวางตัวตามแนวยาว ผิวสัมผัสที่หน้าใบเรียบลื่น มีสีเขียวเข้มเสมอกันทั้งใบ จะมีสีอื่นแซมเข้ามาเล็กน้อยบริเวณก้านใบและปลายใบ

อโศกอินเดีย หรือ โสกอินเดีย,อโศกเซนต์คาเบรียล (Polyalthia Longifolia)

ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบรูปทรงแคบสูง รูปพีระมิด กิ่งก้านลู่ลง เปลือกต้นสีน้ำตาล มีขีดแคบยาวและรอยด่างสีขาวทั่วทั้งลำต้น ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอกแคบ กว้าง 3-5 ซม. ยาว 15-25ซม. ปลายใบแหลม โคนใบสอบขอบใบเป็นคลื่นแผ่นใบบางแต่ค่อนข้างเหนียว สีเขียวเข้มเรียบเป็นมัน ก้านใบยาว 0.5-1 ซม.

เพกา หรือ ลิ้นฟ้า,หมากลิ้นฟ้า,มะลิดไม้,มะลิ้นไม้,ลิดไม้,เบโก,หมากลิ้นช้าง,หมากลิ้นก้าง,กาโดโด้ง, ดอก๊ะ ,ดุแก ,ด๊อกก๊ะ,โชยเตี้ยจั้ง (Oroxylum Indicum L.)

ถิ่นที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมของทวีปเอเชีย ซึ่งพบในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นครั้งแรก ในปัจจุบันสามารพบได้หลายประเทศ เช่น อินเดีย พม่า ไทย ลาว กัมพูชา มาเลเซีย รวมถึง จีนตอนใต้ด้วย

มะยม หรือ หมากยม,ยม ( Phyllanthus Acidus)

ถิ่นกำเนิดอยู่ที่บริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างบ้านเรานี่เอง สามารถพบได้ทั้งในประเทศไทย พม่า มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย และได้มีการแพร่พันธุ์กระจายไปยังประเทศอินเดีย แถบอเมริกากลาง อเมริกาใต้และฮาวาย

ขี้เหล็กเทศ หรือ ขี้เหล็กผี พรมดาน ชุมเห็ดเล็ก ขี้เหล็กเผือก หมากกะลิงเทศ ลับมืนน้อย ผักเห็ด กิมเต่าจี้ ม่อกังน้ำ ผักจี๊ด (Cassia Occidentalis Linn.)

ต้น เป็นพรรณไม้ปีเดียวตาย ลำต้นมีความสูง 1-2 เมตร เนื้อไม้ตรงโคนต้นจะแข็ง และจะแตกกิ่งก้านสาขามาก ใบ จะออกสลับกัน ส่วนก้านใบนั้นเป็นใบร่วมยาวประมาณ 3-5 ซม. ตรงโคนใบจะมีตุ่มนูนออกมา 1 ตุ่ม ใบย่อยมีราว 3-5 คู่ คู่ปลายนั้นจะมีขนาดใหญ่ คู่ถัดไปจะมีขนาดเล็กลงนาตามลำดับ ลักษณะปลายย่อยนั้นจะรีปลายของมันจะแหลมยาวประมาณ 3-6 ซม.

มะเกลือ หรือ มักเกลือ,หมักเกลือ,ผีเผา,ผีผา,มะเกือ,มะเกีย,เกลือ,มะเกลื้อ ( Diospyros mollis)

เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 10-30 เมตร มีเรือนยอดเป็นพุ่ม ลำต้นเปลา ที่โคนต้นมักขึ้นเป็นพูพอน ที่ผิวเปลือกเป็นรอยแตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ตามยาว สีดำ เปลือกด้านในมีสีเหลือง ส่วนกระพี้มีสีขาว แก่นมีสีดำสนิท เนื้อมีความละเอียดเป็นมันสวยงาม ที่กิ่งอ่อนมีขนนุ่มขึ้นอยู่ประปราย โดยทุกส่วนของมะเกลือเมื่อแห้งแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีดำ 

พุตตาลญี่ปุ่นสีขาว หรือ ซูลู (Dombeya Elegans)

ต้น เป็นไม้พุ่ม สูงได้ถึง 4 เมตร กิ่งก้านสีเทาหรือมีเปลือกสีดำ มีขนยาว ขนกระจุก และขนต่อมทั่วไป หูใบรูปใบหอก ยาว 1–1.5 ซม. ร่วงเร็ว ใบรูปหัวใจ ขอบใบหยักลึกเป็น 3 แฉก มีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ดอก ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนงคล้ายช่อเชิงหลั่น ก้านช่อยาวเท่า ๆ ก้านใบ ก้านดอกยาวได้ถึง 3 ซม. ใบประดับยาวประมาณ 1 ซม. ร่วงเร็ว กลีบเลี้ยง 5 กลีบ

ฝรั่งไส้ชมพู (Psidium Guajava L.)

ลำต้น เป็นไม้ยืนต้น มีทรงพุ่มขนาดกลาง ลำต้นมีลักษณะกลมๆ เป็นเนื้อไม้แข็ง เปลือกมีผิวเรียบ มีสีน้ำตาล ใบ เป็นใบเลี้ยงเดี่ยว มีลักษณะทรงรี โคนมนปลายรี พื้นผิวใบหนาสากมือ ใบมีสีเขียวแก่ ใบด้านบนมีสีเข้ม ใต้ใบมีสีอ่อนกว่า มีขนอ่อนๆอยู่ มีต่อมน้ำมันอยู่ ดอก ออกเป็นช่อ จะมีดอกอยู่เป็นกระจุก กลีบดอกมีสีขาว มีเกสรฝอยเล็กๆสีเหลือง กลีบเลี้ยงแข็งสีเขียว มีกลิ่นหอม มีก้านดอกยาว ออกตามปลายกิ่ง

จำปาทอง หรือ จำปา,จำปาเขา,จำปากอ,จำปาป่า (Michelia Champaca L.)

ต้นจำปาเป็นไม้ยืนต้นที่มีขนาดสูง โดยมีความสูงประมาณ 15-30 เมตร ลำต้นตั้งตรง เปลา มีลักษณะเป็นทรงพุ่ม เรือนยอดทรงปิรามิด ขนาดพุ่มประมาณ 4-5 เมตร สูงโปร่งคล้ายรูปกรวยคว่ำ สำหรับในประเทศไทยของเรามักพบได้ทั่วไป ในป่าดงดิบ โดยเฉพาะทางภาคใต้และภาคเหนือ

ฝรั่งแดงทับทิมสยาม (Psidium Guajava L.)

ต้นเหมือนกับฝรั่งทั่วไป แต่เป็นสีแดงทับทิม ไม่ใช่สีเหมือนฝรั่งทั่วไปด้านหลังใบหรือใต้ใบมีสีแดงน้ำตาลดอก ดอกเป็นช่อออกตามซอกใบ ช่อหนึ่งมีดอกย่อย 3-5 ดอก  สีชมพูแดง กลีบเลี้ยงแข็ง ผลอ่อนสีจะเข้มเหมือนสีมังคุด แต่พอผลเริ่มโตสีจะค่อยๆจางลงกลายเป็นสีทับทิมแดง ผิวขุระเล็กน้อย ทรงผลกลมรี ผลไม่ใหญ่มาก เนื้อกรอบ รสหวานอมเปรี้ยว

ฝรั่งขี้นกไส้ชมพู ( Psidium Guajava L.)

ไม้ยืนต้นขนาดกลาง  สูง 2-3 เมตร เปลือกเรียบเป็นมัน สีเขียวปนน้ำตาล กิ่งอ่อนเป็นสี่เหลี่ยม ใบเลี้ยงเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรีแกมรูปขอบขนาน ใบหนา หยาบ ใต้ท้องใบเป็นริ้ว เห็นเส้นใบชัดเจน ขนขึ้นนวลบาง ใบยาวประมาณ 10 ซม. กว้างประมาณ 6 ซม. ดอก ดอกเป็นช่อออกตามซอกใบ ช่อหนึ่งมีดอกย่อย 3-5 ดอก  สีขาวอมเขียวอ่อน กลีบเลี้ยงแข็ง

โทงเทงฝรั่ง หรือ ระฆังทอง,ต้อมต๊อก,บาตอมต๊อก,บาต้อมต๊อก,ปิงเป้ง,ปุงปิง,ชาผ่อเหมาะ,จะเก๊าหลือ,ตะเงหลั่งเช้า,ขู่จี๋,หวงกูเหนียง,โคมจีน (Physalis Qeruviana L.)

ลำต้น เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีอายุปีเดียว ต้นทรงพุ่ม กิ่งก้านแตกขยายมาก ลำต้นมีลักษณะกลม ต้นอวบน้ำ โคนต้นมีสีม่วง กิ่งอ่อนเหลี่ยม มีขนตามข้อเล็กน้อย เปลือกต้นเกลี้ยงเรียบ มีสีเขียว ราก เป็นระบบรากแก้ว มีลักษณะกลมๆ แทงลึกลงในดิน มีรากแขนงและรากฝอยเล็กๆ ออกตามแนวราบ มีสีน้ำตาล

แคดอกแดง หรือ แคแดง,แค (Sesbania Grandiflora L.)

ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 3-6 เมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกต้นสีน้ำตาลปนเทา ขรุขระ แตกเป็นสะเก็ด ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ ใบย่อยรูปรีขอบขนาน กว้าง 1-1.5 ซม.  ยาว 3-4 ซม. ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบ สีเขียว
ดอกจะออกเป็นช่ออยู่ตามบริเวณซอกใบประมาณ 2 – 4 ดอก มีสีแดง ซึ่งมีกลิ่นหอม

แคดอกขาว หรือ แคขาว,แค (Sesbania Grandiflora L.)

ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 3-6 เมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกต้นสีน้ำตาลปนเทา ขรุขระ แตกเป็นสะเก็ด ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ ใบย่อยรูปรีขอบขนาน กว้าง 1-1.5 ซม.  ยาว 3-4 ซม. ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบ สีเขียว ดอกจะออกเป็นช่ออยู่ตามบริเวณซอกใบประมาณ 2 – 4 ดอก มีสีแดง ซึ่งมีกลิ่นหอม

กระดุมม่วง หรือ กระดุมไพลิน,กระดุมหยก,กระดุมบราซิล (Centratherum Intermedium)

ต้นเป็นไม้ล้มลุก สูง 10–50 ซม. มีขนสั้นนุ่มตามลำต้นและใบ ใบเรียงเวียน ยาว 2.5–8 ซม. ขอบจักซี่ฟันสองชั้น เส้นแขนงใบข้างละ 5–8 เส้น ก้านใบยาว 0.5–1 ซม. มีครีบ ดอก: ช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่นออกเดี่ยว ๆ ที่ปลายกิ่ง เส้นผ่านศูนย์กลาง 2–8 ซม. ก้านช่อยาว 5–8 ซม. วงใบประดับชั้นนอกคล้ายใบ ไม่มีดอกย่อย ชั้นในสีเขียวมีแต้มสีม่วงแดง

ชบาจิ๋วส้ม หรือ ชบาจิตลดา (Hibiscus Hirtus L.)

ไม้พุ่มเล็ก ลำต้นมีขน ใบเดี่ยวเรียงเวียน รูปไข่ถึงรูปหัวใจ  ปลายเรียวแหลม  ขอบหยักซี่ฟันหรือจักฟันเลื่อย มีขนประปรายทั้ง 2 ด้าน ดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง  กลีบดอกสีชมพูอมส้มคล้ายสีอิฐ มี 5 กลีบ  เกสรเพศผู้จำนวนมาก ชูอับเรณูเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 1 ซม.  อับเรณูติดเป็นกระจุก ๆ ทั่วหลอด ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่มกลมมีขน

ชวนชมยักษ์ (Adenium Obesum )

กิ่งตอนหรือกิ่งปักชำ ขึ้นลำต้นได้สวย มีลำต้นสูง มักเจริญเติบโตในแนวสูงมากกว่าการขยายในด้านข้าง สูงประมาณ 3-5 เมตร ต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ด โขดกลมสวย แตกกิ่งจากโขดมาก มีสีผิวเนียนเขียว มีลักษณะที่ดี มีลำต้นสูง ขยายด้านข้างน้อย และมักเจริญเติบโตในแนวสูง มีดอกดก ดอกออกเป็นพวง ดอกมีขนาดเล็ก สีชมพูอ่อน

ต้อยติ่งชมพูขาว หรือ ต้อยติ่งฝรั่ง,ต้อยติ่งเทศ,ต้อยติ่งน้ำ,ต้นอังกาบ,อังกาบฝรั่ง,เป๊าะแป๊ะ (Ruellia Tuberosa L.)

ต้นต้อยติ่ง จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุก มีลำต้นสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตรตามลำต้นจะมีขนอ่อน ๆ ขึ้นปกคลุมอยู่เล็กน้อย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงกันเป็นคู่ ๆ ไปตามข้อของลำต้น แผ่นใบมีสีเขียว ลักษณะใบเป็นรูปมนรี ปลายใบมน โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบไม่มีจักและอาจมีคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-1.5 นิ้ว และยาวประมาณ 2.5-3 นิ้ว

พุดตานเปลี่ยนสี หรือ ดอกสามผิว,ดอกสามสี (Hibiscus Mutabilis L.)

มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน ได้ชื่อว่า Hibiscus of China เชื่อว่าถูกนำเข้ามาปลูกในเมืองไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ถึงรัชกาลที่ 3 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่มีการนำพันธุ์พืชมากมายหลายชนิดมาจากประเทศจีน