ชื่อ – ชนิด พันธุ์
ผักหวานป่า
ชื่อวิทยาศาสตร์
Melientha suavis Pierre
ประวัติ
ผักหวานป่าเป็นพืชในวงศ์ Opiliaceae มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Melientha suavis Pierre มีชื่พื้นเมืองแตกต่างไปในแต่ละท้องถิ่น เช่น ผักหวาน (สุรินทร์) Hvaan (ลาว) Rau (เวียดนาม) Daam prec (กัมพูชา) Tangal (มาเลเซีย) Malatado (ฟิลิปปินส์) ผักหวานป่ามีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบ ประเทศเอเชียอาคเนย์ ในประเทศไทยพบทั่วทุกภาค ในท้องที่ภาคเหนือที่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก ภาคอิสานที่จังหวัดอุดรธานี นครพนม สกลนคร นครราชสีมา ภาคกลางที่จังหวัดกาญจนบุรี สระบุรี ภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีกระบี่
รูปร่าง รูปทรง ( ต้น ใบ ดอก ผล )
ผักหวานป่า เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีความสูง 5-15 เมตร เนื้อไม้แข็ง เปลือกของลำต้นเมื่ออายุน้อยผิวเปลือกเรียบ สีเทาอมเขียว และเมื่ออายุมากขึ้นเปลือกแตกเป็นร่องรูปสี่เหลี่ยม สีเทาอ่อนอมน้ำตาล
- ใบ เป็นใบเดี่ยว (simple leaf) ออกเรียงสลับกัน ใบอ่อนรูปร่างแคบรี ปลายใบแหลม สีเขียวอมเหลือง และเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มเมื่ออายุมากขึ้น ใบแก่เต็มที่รูปรีกว้างถึงรูปไข่หรือไข่กลับ สีเขียวเข้ม เนื้อใบกรอบขอบใบเรียบ ปลายใบมน หรือเว้าบุ๋มมีติ่งหนาม บางครั้งพบปลายใบแหลมฐานใบสอบเรียว ขนาดใบกว้าง 2.5-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6-12เซนติเมตร ก้านใบสั้น ขนาดยาวประมาณ 1-2 มิลลิเมตรเซนติเมตร ยาวประมาณ 10 – 20 เซนติเมตร แผ่นใบมีสีเขียวเข้ม แผ่นใบบาง แต่เหนียว ใบอ่อนมีสีแดงอมส้ม มีรสหวานมัน
- ดอก ผักหวานป่ามีการออกดอกแยกต้น (dioecious) เป็นต้นเพศผู้และต้นเพศเมีย ลักษณะช่อดอกเป็นแบบช่อแยกแขนง (panicle) คล้ายช่อดอกมะม่วงหรือลำไย ยาวประมาณ 7-12 เซนติเมตร ดอกเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่ม มีประมาณ 3-5 ดอก ดอกเพศเมียออกเป็นช่อดอกจำนวนมากรวมเป็นกระจุกตามลำต้นและกิ่ง ดอกเพศผู้เป็นช่อเดี่ยว หรือมี2-3 ช่อในกระจุกเดียวกัน เกิดตามปลายกิ่งปะปนกับยอดอ่อนที่แตกใหม่มาพร้อมๆ กัน ช่อดอกใช้เป็นอาหาร เกษตรกรสามารถเก็บขายได้ในราคาเดียวกับยอดอ่อน ผักหวานป่าออกดอกประมาณเดือนธันวาคม-มีนาคม
- ผล ผักหวานป่าออกผลเป็นช่อตามลำต้นเหมือนผลของมะไฟหรือลางสาด เป็นผลเดี่ยว (Simple fruit) แบบ Drup ภายในมีเมล็ดเดียวผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ถึงเหลืองอมส้ม ผลมีขนาดประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร ผลแก่ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม
ความสูงเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่
- 15 เมตร
ความกว้างทรงพุ่มเมื่อโตเต็มที่
- 4 เมตร
ความต้องการแสง
- ต้องการแสง 50 %
ความต้องการน้ำ
- ต้องการน้ำมาก
ชอบดินประเภท
- ชอบดินร่วนที่มีความชื้น แต่ดินต้องไม่แฉะ
การเก็บเกี่ยว
- ผักหวานป่าที่ได้รับการปลูกบำรุงที่ดีจะสามารถเก็บเกี่ยวยอดได้ตั้งแต่อายุ1-1 ปี ในขณะที่ต้นสูงประมาณ 1-1.5 ฟุต ซึ่งควรเป็นต้นที่มีความแข็งแรงสมบูรณ์ดี ผักหวานป่าออกยอดมากในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนแต่เกษตรกรสามารถชักนำให้เกิดยอดเร็วขึ้นเพื่อการเก็บเกี่ยวยอดนอกฤดูกาลได้ทำให้เก็บยอดได้ตั้งแต่ช่วงกลางฤดูหนาวไปจนถึงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนมกราคม-พฤษภาคม
ประโยชน์การใช้สอย
มีการใช้ประโยชน์ผักหวานป่ากันมาเป็นเวลาช้านาน ทั้งเพื่อการบริโภคและเพื่อเป็นยารักษาโรค ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายของคนทั่วไป
- ประโยชน์ทางยา
ผักหวานป่าเป็นพืชสมุนไพรที่สามารถใช้ส่วนต่างๆ มาทำยาหรือประกอบเป็นยารักษาโรคที่มีสรรพคุณในด้านต่าง ๆ เช่น
- ใบและราก ใช้รักษาแผล ปวดในข้อ ปวดหัว ปวดท้อง
- ราก ใช้เป็นยาเย็น ถอนพิษ แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้พิษไข้น้ำดีพิการ
- ยาง ใช้กวาดคอเด็ก แก้ลิ้นเป็นฝ้าขาว
- ประโยชน์ทางโภชนาการ
ยอดอ่อน ใบอ่อน และดอกอ่อนของผักหวานป่า มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ใบยอดและใบสดของผักหวานป่า 100 กรัม ให้คุณค่าทางอาหาร ดังนี้
พลังงาน 39.0 กิโลแคลอรี่ วิตามิน A 8,500.00 หน่วยสากล (I.U.)
น้ำ 87.1 กรัม วิตามิน B1 0.12 มิลลิกรัม
ไขมัน 0.6 กรัม วิตามิน B2 1.65 มิลลิกรัม
โปรตีน 0.1 กรัม วิตามิน C 168.00 มิลลิกรัม
คาร์โบไฮเดรท 8.3 กรัม ไนอาซีน 3.60 มิลลิกรัม
แคลเซียม 24.0 มิลลิกรัม เบต้า-แคโรทีน 516.33 ไมโครกรัม
ฟอสฟอรัส 68.0 มิลลิกรัม ใยอาหาร 2.10 กรัม
เหล็ก 1.3 มิลลิกรัม เถ้า 1.80 มิลลิกรัม
การขยายพันธุ์
- เพาะเมล็ด
- การตอนกิ่ง
คลิกเพิ่มเพื่อน! แจ้งเตือนบทความใหม่ก่อนใคร ฟรี!!
ดูข้อมูลเพิ่มเติม