ชื่อ – ชนิด พันธุ์
กระพี้นางนวล หรือ กระพี้,กระพี้จั่น,กระพี้นางนวล,กระพี้เหลือง,กระพี้พูน,กระพี้เหลือบ,กระลิงปิงป่า,เค็ด ขาว,จักจั่น,บี้พง,ปิ้จั่น,อิเม็งใบเล็ก,ประดู่ตาเหลน
ชื่อวิทยาศาสตร์
Dalbergia Cana Graham Ex Kurz Var. Cana.
ประวัติ
พบขึ้นทั่วไปในป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 1,000 เมตร
รูปร่าง รูปทรง ( ต้น ใบ ดอก ผล )
- ไม้ต้น สูง 10-30 เมตร
- ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงแบบสลับ ก้านใบยาว 2-3.5 เซนติเมตร มีขนกำมะหยี่หนาแน่น ใบย่อย 17-27 ใบ เรียงสลับ รูปหอกแกมรี ยาว 3-7 เซนติเมตร กว้าง 1.5-2.5 เซนติเมตร ปลายแหลม ฐานรูปลิ่ม ขอบเรียบ เส้นกลางใบมีขนหนาแน่น
- ดอกแบบช่อแยกแขนง ยาว 8-12 เซนติเมตร ออกที่ซอกใบ กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ กลีบดอกสีขาว เกสรเพศผู้ มี 10 อัน เชื่อม กันเป็นกลุ่มเดียว เกสรเพศเมีย มีรังไข่ที่มีขนอุย
- ผลเป็นฝักแห้งแตกตามตะเข็บ แบน รูปขอบขนาน ยาว 7-11 เซนติเมตร กว้าง 1.5-2 เซนติเมตร เมล็ด มี 1-3 เมล็ด
ความสูงเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่
สูง 10 – 20 เมตร
ความกว้างทรงพุ่มเมื่อโตเต็มที่
ทรงพุ่มกว้าง 5 – 8 เมตร
ความต้องการแสง
- ต้องการแดด 100 %
ความต้องการน้ำ
- ลดน้ำ 3 – 4 วัน/ครั้ง ทนแล้งได้ดี
ชอบดินประเภท
- ชอบดินร่วนปนทราย
ประโยชน์การใช้สอย
- นิยมปลูกเป็นไม้ประดับสวนเพื่อให้ร่มเงาและมีดอกสวยงาม แต่ไม่ควรปลูกในสนามเด็กเล่น เพราะปลายฝักแหลมอาจเป็นอันตรายได้
- ยอดอ่อนนิยมกินเป็นผักสดจิ้มน้ำพริก ใส่ในแกงหรือยำได้ มีมากช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อนเป็นผักรสฝาดมัน มีสรรพคุณแก้เส้นเอ็นพิการ
การเก็บเกี่ยว
- ออกดอก กุมภาพันธ์ – เมษายน
- ติดผล มีนาคม – พฤษภาคม
การขยายพันธุ์
- เพาะเมล็ด
คลิกเพิ่มเพื่อน! แจ้งเตือนบทความใหม่ก่อนใคร ฟรี!!
ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- สารบัญ