ชื่อ – ชนิด พันธุ์
มะม่วงแก้วขมิ้น
ชื่อวิทยาศาสตร์
Mangifera Indica L.
ประวัติ
มีถิ่นกำเนิดจาก ประเทศกัมพูชาหรือประเทศเขมร โดยชาวกัมพูชาหรือชาวเขมรเรียกว่า “ซะ–วาย–แก้ว–รำ เมดร” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “มะม่วงแก้วขมิ้น” ถูกนำเข้ามาปลูกเพื่อเก็บผลและขยายพันธุ์ตอนกิ่งจำหน่ายในประเทศไทยนานกว่า 4-5 ปี
รูปร่าง รูปทรง ( ต้น ราก ใบ ดอก ผล )
- ลำต้นตั้งตรงขึ้นไป แล้วแตกกิ่งเป็นพุ่มหนา เปลือกไม้ภายนอกเป็นสีน้ำตาลเข้ม บางสายพันธุ์จะมีโทนสีผสมดำเล็กน้อย
- ใบมีรูปทรงเรียวยาว ผิวใบเรียบลื่น มีสีเขียวเข้ม เนื้อใบมีความหนาและมีกลิ่นหอม
- ดอกจะออกเป็นช่อขนาดใหญ่ตามปลายกิ่ง มองเห็นเป็นดอกเล็กๆ จำนวนมากสีเหลืองอ่อน
- ผลดิบหรือแก่จัด เนื้อของผลจะแน่นละเอียด กรอบ มัน มีรสชาติหวานปนเปรี้ยวเพียงเล็กน้อย หรือมี 3 รส ใน 1 ผล หากผลที่สุกแล้วจะเป็นสีเหลืองเข้มเหมือนดั่งสีของขมิ้น มีรสชาติที่หวาน เนื้อไม่เละ และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะม่วงแก้วขมิ้น
ความสูงเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่
สูง 10 – 15 เมตร
ความกว้างทรงพุ่มเมื่อโตเต็มที่
ทรงพุ่มกว้าง 6 – 8 เมตร
ความต้องการแสง
- ต้องการแสงแดด 100%
ความต้องการน้ำ
- รดน้ำวันละ 1 ครั้ง
ชอบดินประเภท
- ชอบดินร่วนซุย
ประโยชน์การใช้สอย
- ใบนำใบสดต้มน้ำแล้วดื่ม จะช่วยบำรุงกระเพาะอาหารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารสกัดจากใบมะม่วงก็มีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบได้ดี
- ดอกมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง ดีต่อคนที่เป็นโรคเบาหวาน และช่วยฟื้นฟูกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้
- ผลเมื่อทานผลมะม่วงดิบจะช่วยให้รู้สึกสดชื่น ช่วยบำรุงผิวพรรณและสายตา พร้อมกับสามารถลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างวันได้ ส่วนผลมะม่วงสุกอาจมีน้ำตาลมากหน่อย แต่ช่วยให้อิ่มท้องได้นานและมีปริมาณไฟเบอร์สูง
- เมล็ดนำเมล็ดมะม่วงสุกมาตากแห้ง แล้วใช้ต้มน้ำดื่มช่วยขับพยาธิได้
การเก็บเกี่ยว
- ผลผลิตในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์
การขยายพันธุ์
- การเพาะเมล็ด การเสียบยอด การตอนกิ่ง การทาบกิ่ง การปักชำ
คลิกเพิ่มเพื่อน! แจ้งเตือนบทความใหม่ก่อนใคร ฟรี!!
ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- สารบัญ