ชื่อ – ชนิด พันธุ์
กระพี้จั่น หรือ จั่น, ปี้จั่น และ ปี๊จั่น
ชื่อวิทยาศาสตร์
Millettia Brandisiana Kurz
ประวัติ
ถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชียเขตร้อนและสามารถพบเจอได้ทั่วไปในประเทศไทยเกือบทุกภาค แต่ส่วนใหญ่มักจะพบเห็นได้มากที่สุดในทางภาคเหนือ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคกลาง โดยเฉพาะป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรังที่มีความแห้งแล้ง
รูปร่าง รูปทรง ( ต้น ใบ ดอก ผล )
- ต้น กระพี้จั่น มีขนาดเล็กไปจนถึงปานกลาง โดยมีความสูงประมาณ 8-20 เมตร เปลือกของลำต้นเป็นสีน้ำตาลแตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ โคนต้นเป็นพูพอน กระพี้จั่นเป็นต้นไม้ผลัดใบที่มีเรือนยอดทรงกลม
- ใบ กระพี้จั่น มีใบประกอบรูปขนนก ออกเรียงสลับมีใบย่อย 7-21 ใบและแผ่นใบย่อยรูปทรงรี แกมขอบขนานมีความยาว 3-7 เซนติเมตร และความกว้าง 1-3 เซนติเมตร โคนใบมนหรือแหลม ส่วนปลายใบเรียวแหลมและแผ่นใบบาง
- ดอก กระพี้จั่น มีลักษณะออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด ซึ่งแต่ละช่อจะประกอบไปด้วยดอกย่อยจำนวนมากและดอกมีกลีบเลี้ยงเป็นรูประฆัง ปลายแยกออกเป็น 5 แฉก กลีบดอกเป็นรูปดอกถั่วมี 5 กลีบ สีม่วงเกือบดำ ขนาดของแต่ละดอกจะไม่เท่ากันบางดอกมีสีชมพูอมม่วง ในช่วงเวลาที่ดอกบานจะออกดอกพร้อมกันทั่วทั้งต้นและดูสวยงาม
- ผล กระพี้จั่นมีผลเป็นฝัก โดยฝักยาวประมาณ 9-12 เซนติเมตร และกว้าง 2-2.5 เซนติเมตร ภายในฝักมีเมล็ดสีน้ำตาลดำ ซึ่งมีหลายเมล็ดประมาณ 1-4 เมล็ด เปลือกฝักหนาคล้ายแผ่นหนังและมีขอบเป็นสัน
ความสูงเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่
สูง 8-20 เมตร
ความกว้างทรงพุ่มเมื่อโตเต็มที่
ขนาดทรงพุ่ม 3-6 เมตร
ความต้องการแสง
- ชอบแสงแดด 100 %
ความต้องการน้ำ
- ชอบน้ำปานกลางรดน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทนแล้งได้ดี
ชอบดินประเภท
- ชอบดินร่วนปนทราย
ประโยชน์การใช้สอย
- เนื้อไม้ของต้นกระพี้จั่นสามารถนำมาใช้ในงานก่อสร้าง เช่น ใช้ทำเครื่องมือช่าง ใช้ทำเสาหลัก เสาโครงสร้างหรือส่งขายให้กับอุตสาหกรรมเพื่อทำเยื่อกระดาษได้ ส่วนลำต้นสามารถทำเป็นยาดื่มบำรุงเลือด และใบสามารถนำมารับประทานเป็นยาสมุนไพรรักษาโรคได้หลายอย่าง ดังนี้
- ใช้ต้นดื่มเพื่อชำระล้าง สารพิษ
- แก้อาการแผลเรื้อรัง
- ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง หรือบำรุงร่างกาย
- ช่วยในการเจริญอาหาร
- ใช้แก้อาการช้ำในคล้ายกับใบบัวบก
การเก็บเกี่ยว
- ช่วงเวลาการออกดอก เดือนกุมภาพันธ์ – เดือนเมษายน ติดผลเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
การขยายพันธุ์
- การเพาะเมล็ด
คลิกเพิ่มเพื่อน! แจ้งเตือนบทความใหม่ก่อนใคร ฟรี!!
ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- สารบัญ