ชื่อ – ชนิด พันธุ์
ชิงชัน หรือ ประดู่ชิงชัน,ดู่สะแดน,เก็ดแดง,อีเม็ง,พยุงแกลบ,กะซิก,กะซิบ,หมากพลูตั๊กแตน
ชื่อวิทยาศาสตร์
Dalbergia Oliveri Gamble
ประวัติ
พบขึ้นอยู่ในประเทศพม่า, ลาว และไทยกระจายทั่วไปในป่าเบญจพรรณ ที่มีสภาพแห้งแล้ง มักพบเกิดอยู่ร่วมกับไม้สักและไม้ไผ่และบ่อยครั้งก็พบในป่าเต็งรังที่เป็นดินลูกรัง ที่พบในประเทศไทย มีขึ้นอยู่ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้
รูปร่าง รูปทรง ( ต้น ใบ ดอก ผล )
- ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ อายุหลายปี เปลือกของต้นชิงชันมีสีเทาปนน้ำตาลเล็กน้อย ผิวสัมผัสเป็นเกล็ดบางๆ บริเวณเปลือกภายในนั้นจะเป็นสีเหลือง เนื้อไม้สีน้ำตาอ่อนอมเหลืองมีเส้นแทรกสีดำ เนื้อละเอียดปานกลาง แข็งและเหนียวมาก
- ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อย 5-7 คู่ เรียงสลับ รูปไข่ถึงรูปรีแกมรูปขอบขนาน กว้าง 1.5-3 เซนติเมตร ยาว 5-8 เซนติเมตร ปลายมน โคนกลมมน ขอบเรียบ ผิวใบเกลี้ยง เป็นมัน แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้ม ใต้ใบสีซีดกว่า
- ดอกของต้นชิงชันเป็นดอกแบบช่อ เป็นดอกที่ช่อเชิงประกอบ จะออกตามปลายกิ่ง ดอกมีสีขาวอมม่วง ดอกชิงชันจะออกมาพร้อมกับการผลิตใบใหม่อยู่เสมอ
- มีผลเป็นแบบฝัก ลักษณะแบน แผ่เป็นปีกยาว รูปร่างจะเป็นรูปรีหรือรูปขอบขนาน มีความกว้างประมาณ 3-3.5 เซนติเมตร และความยาวประมาณ 8-17 เซนติเมตร ผิวของฝักจะเรียบ เปลือกฝักที่ห่อหุ้มเมล็ดไว้จะมีความหนาและแข็ง มีลักษณะเป็นกระเปาะกลมหรือแกนรีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จะนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนมากในแต่ละฝักจะมีเมล็ดเพียงเมล็ดเดียว ซึ่งเมล็ดจะมีลักษณะคล้ายกับรูปไต จะมีสีน้ำตาล
ความสูงเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่
สูง 15-30 เมตร
ความกว้างทรงพุ่มเมื่อโตเต็มที่
เรือนยอดเป็นพุ่มกว้าง 10 – 15 เมตร
ความต้องการแสง
- ชอบแดด 100%
ความต้องการน้ำ
- ต้นชิงชันต้องการน้ำในปริมาณปานกลาง รดน้ำแบบวันเว้นวัน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดดด้วย
ชอบดินประเภท
- ชอบดินร่วน
ประโยชน์การใช้สอย
- เลื่อยผ่าตกแต่งยาก เนื่องจากแข็งและเหนียว แต่เมื่อนำไปขัดชักเงาได้ดีมาก จึงนิยมนำไปใช้ในการทำเครื่องเรือน เครื่องใช้ต่างๆได้สวยงามจากเนื้อไม้ และมีความอายุการใช้งานที่ทนทานด้วย
- สำหรับบางบ้านหรือสถานที่ ก็นิยมนำไปปลูกเป็นไม้ประดับ เพื่อให้ร่มเงาและเพื่อความสวยงาม
- เนื้อไม้ใช้แปรรูปได้
- ใช้เป็นส่วนประกอบของเกวียน พานท้ายปืน
- ใช้เป็นวัสดุในการทำเครื่องดนตรี อาทิเช่น ขลุ่ย ซอ จะเข้ ลูกระนาด กลองโทน รำมะนา กรับ ขาฆ้องวง เป็นต้น
- ส่วนของแก่นของต้นชิงชัน มีสรรพคุณช่วยในการบำรุงโลหิตในผู้หญิงได้ดี ให้รสฝาดร้อน
- ส่วนของเปลือกต้นชิงชัน สามารถนำไปต้มแล้วนำมาชะล้างหรือสมานบาดแผล รวมไปถึงช่วยรักษาแผลเรื้องรังอีกด้วย
การเก็บเกี่ยว
- ออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมไปจนถึงพฤษภาคม
- ออกผลในช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงกันยายน
การขยายพันธุ์
- การเพาะเมล็ด
คลิกเพิ่มเพื่อน! แจ้งเตือนบทความใหม่ก่อนใคร ฟรี!!
ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- สารบัญ