การเพาะเห็ดแครง
ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Schizophyllum commune
ชื่อสามัญ (ไทย) : เห็ดแครง
ชื่อท้องถิ่น เห็ดตีนตุ๊กแก เห็ดจิก เห็ดยาง
ภาคใต้ : เห็ดแก้น เห็ดตามอม
ภาคเหนือ : เห็ดมะม่วง
ภาคกลาง : เห็ดแครง หรือเห็ดตีนตุ๊กแก
มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นแตกต่างกันไป ภาคเหนือ เรียกเห็ดแก้น เห็ดตามอม ภาคใต้เรียก เห็ดยาง เพราะพบบนไม้ยางพารา
ภาคกลางเรียก เห็ดมะม่วง เนื่องจากขึ้นบนไม้มะม่วง นอกจากนี้ยังพบขึ้นบนไม้อื่นๆ เช่น ไม้ยูคาลิปตัส ไม้สน ฯลฯ
ทั้งนี้จะ เห็นเห็ดขึ้นมากมายในฤดูฝนเป็นที่นิยมรับประทานกันในเขตภาคใต้ ภาคเหนือและภาคอีสานตอนบน ราคาจำหน่ายดอกสดกิโลกรัมละ 80 – 150 บาท เห็ดแห้งกิโลกรัมละ 400 – 500 บาท
จากงานวิจัยพบว่าเห็ดแครงต้องการอาหารเสริมเป็นโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตสูง เนื่องจากใช้ธาตุอาหารมากในการเจริญของเส้นใยที่รวดเร็ว ประกอบกับต้องใช้เทคนิคการเพาะและการดูแล เฉพาะตัว
ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงไม่มีเกษตรกรรายใดเลยที่จะเพาะปลูกเห็ดแครงออกมาขาย ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้วิจัยสูตรอาหาร เทคนิคการเพาะ การดูแล จนได้ผลผลิตมากเพียงพอในแง่ เศรษฐกิจเฉลี่ย 130 – 150 กรัม ในวัสดุเพาะ 1,000 กรัม
ซึ่งผลผลิตเห็ดแครงที่ได้จากการเพาะนี้ ข้อดีคือเป็นดอกที่แก่กำลังพอดีไม่เหนียวเกินไป สะอาดไม่มีกรวดทรายติดมา เห็ดแครงนอกจากจะใช้บริโภคแล้ว ในประเทศญี่ปุ่นยังใช้เป็นยาเนื่องจากพบสารประกอบพวก Polysaccharide ชื่อว่า Schizophyllan ( 1.3 β – glucan ) ซึ่งมีคุณสมบัติการต่อต้านเชื้อไวรัส และยับยั้งเซลล์มะเร็งชนิด Sarcoma 180 และ Sarcoma 87 โดยทดลองใน White mice ยับยั้งได้ 70 – 100 % จึงคาดว่าน่าจะเป็นเห็ดที่มีศักยภาพดีในอนาคตต่อไป
การเพาะเลี้ยงเห็ดแครง
ขั้นตอนในการเลี้ยงเห็ดแครงจะเหมือนกับเห็ดชนิดอื่น ๆ ยกเว้นสูตรอาหารและเทคนิค การเพาะ การดูแล ซึ่งต่างไปบ้าง เนื่องจากมีธาตุอาหารสูง ต้องปฏิบัติให้ถูกหากไม่ดีจะทำให้เห็ด เกิดการปนเปื้อนเชื้อราอื่นได้สูงเป็นเหตุให้ผลผลิตเสียหาย สำหรับแม่เชื้อเห็ดแครงที่บริสุทธิ์ แนะนำให้สั่งซื้อจากศูนย์รวบรวมเชื้อพันธุ์เห็ดแห่งประเทศไทยกรมวิชาการเกษตร เพราะได้ทำการคัดเลือกสายพันธุ์มาแล้วว่าให้ลักษณะดอกดี มีขนาดใหญ่ และผลผลิตสูง เมื่อได้แม่เชื้อมาแล้วก็นำมาทำเชื้อขยายในเมล็ดข้าวฟ่าง ซึ่งมีวิธีการเตรียมเหมือนเห็ดชนิดอื่น ๆ ดังนี้
วัสดุอุปกรณ์
- ขี้เลื่อยไม้ยางพารา มะม่วง หรือฉำฉา อย่างใดอย่างหนึ่ง
- เชื้อขยายเห็ดแครง
- ถุงพลาสติกทนร้อน ขนาด 6 x 10 นิ้ว
- คอพลาสติกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 – 1.5 นิ้ว
- ฝ้าย นุ่น สำลี ยางรัด หรือใช้จุกประหยัดสำลี
- หม้อนึ่งลูกทุ่ง หรือหม้อนึ่งความดัน
- โรงบ่มเส้นใย และโรงเรือนเปิดดอก
การเตรียมวัสดุเพาะ สูตรอาหาร
- ขี้เลื่อย 100 กิโลกรัม
- เมล็ดข้าวฟ่างต้มแล้ว 50 กิโลกรัม หรือรำ 50 กิโลกรัม
- รำ 3 – 5 กิโลกรัม
- ปูนขาว 1 กิโลกรัม
- น้ำ 65 – 85 กิโลกรัม
วิธีการเพาะ
- แช่เมล็ดข้าวฟ่างในน้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นเทน้ำทิ้งเปลี่ยนน้ำใหม่
- ต้มให้เดือดจนเมล็ด ข้าวฟ่างค่อนข้างสุก แล้วรินน้ำทิ้งพักไว้ให้เย็นหมาด ๆ ระหว่างนี้ให้ผสมขี้เลื่อย ปูนขาว และรำข้าวด้วยกันก่อน
- จากนั้นจึงผสมน้ำลงไป ( หากผสมพร้อมกันรำจะจับติดเป็นก้อน )
- เมื่อผสมเข้ากัน ดีแล้วจึงนำเมล็ดข้าวฟ่างที่เตรียมไว้มาผสมอีกที
- จากนั้นกรอกใส่ถุงพลาสติกขนาด 6 x 10 นิ้ว ให้มีน้ำหนัก 600 กรัม
- ใส่คอขวด รัดยาง และปิดสำลีแล้วปิดด้วยฝาปิด จากนั้นนำไปนึ่งด้วยหม้อนึ่งความดัน 15 ปอนด์เวลา 30 นาที หรือนึ่งด้วยหม้อนึ่งลูกทุ่ง อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมง
- ได้เวลาแล้วพักไว้ให้เย็นรีบใส่เชื้อในเมล็ดข้าวฟ่างที่เตรียมไว้ทันที
- พยายามอย่าทิ้งถุงไว้เกิน 24 ชั่วโมง จะทำให้เกิดการปนเปื้อนสูง
การพักบ่มเส้นใย
- โรงเรือนสำหรับพักบ่มเส้นใย ควรเป็นโรงเรือนในร่มที่มีการระบายอากาศดี และข้อสำคัญควรเป็นที่มืด ( ขนาดที่อ่านหนังสือพิมพ์ไม่เห็นในระยะ 1 ฟุต )
- ตรงนี้เป็นเทคนิคที่ค่อนข้าง จะปฏิบัติได้ยาก แต่จะต้องพยายามทำให้มืดที่สุด
- เส้นใยจะเจริญเต็มถุงในเวลา 15 – 20 วัน ที่อุณหภูมิระหว่าง 25 – 35 องศาเซลเซียส
- ซึ่งหลังจากเส้นใยเต็มถุงจึงให้แสงในโรงบ่ม แสงจะไปกระตุ้นให้เห็ดสร้างตุ่มดอก จะสังเกตเส้นใยเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล จึงนำไปเปิดดอก
- โดยดึงจุกสำลีและคอขวดด้านบนออก ใช้ยางรัดปิดปากถุงให้แน่น แล้วกรีดด้านข้างให้เป็นมุมเฉียงจากบนลงล่างทั้ง 4 มุมของถุง
- นำไปวางบนชั้น หรือแขวนในโรงเรือนเปิดดอกต่อไป
โรงเรือนเปิดดอก
- โรงเรือนเห็ดแครง สามารถใช้โรงเรือนเห็ดนางรม และเห็ดนางฟ้าในการเปิดดอกได้ แต่ต้องเพิ่มความชื้นขึ้นอีก เนื่องจากเห็ดแครงชอบความชื้นในบรรยากาศสูง
- การระบายอากาศต้องดี การรดน้ำควรจะติดระบบสปริงเกอร์ให้น้ำเช้าและเย็น หากรดน้ำด้วยมือจะต้องใช้หัวฉีดพ่นฝอย
- มิฉะนั้นก้อนเห็ดจะดูดน้ำเข้าไปทำให้ก้อนเชื้อเสีย และปนเปื้อนจุลินทรีย์อื่น
- การวางก้อนเชื้อจะต้องวางบนชั้นหรือแขวน
- หลังจากกรีดข้างถุงและรดน้ำเห็ดไปประมาณ 5 วัน จะเก็บผลผลิตรุ่นที่ 1 ได้
- หลังจากนั้นเห็ดจะพักตัวอีก 5 – 7 วัน รดน้ำเป็นปกติจะเก็บรุ่นที่ 2 ตามลำดับ
- ซึ่งผลผลิตจะหมดให้ขนก้อนเก่าไปทิ้งและพักโรงเรือนให้แห้งเป็นเวลา 15 วัน
- จึงนำถุงเห็ดรุ่นใหม่ เข้าเปิดดอกต่อไป
การเก็บผลผลิต
ควรเก็บผลผลิตในระยะที่ดอกมีสีขาวนวล ก่อนที่จะสร้างสปอร์ มิฉะนั้นสีจะคล้ำออกสีน้ำตาลไม่น่ารับประทาน เนื้อดอกจะเหนียวขึ้นอีกด้วย
ข้อควรระวัง
ในระยะพักบ่มก้อนเชื้อจำเป็นต้องพักบ่มเส้นใยในที่มืด มิฉะนั้นแสงจะกระตุ้นให้เส้นใยสร้างดอกทั้ง ๆ ที่เส้นใยยังเจริญไม่เต็มถุงและสะสมอาหารยังไม่เต็มที่ จะเป็นสาเหตุให้ผลผลิตต่ำไม่คุ้มค่าในแง่เศรษฐกิจ
- ในระยะเปิดดอก ต้องคำนึงไว้เสมอว่าวัสดุที่ใช้เพาะเห็ดแครงนั้นมีธาตุ อาหารสูงมาก สูงกว่าการเพาะเห็ดชนิดอื่นๆ ดังนั้นการปนเปื้อนจากราเขียว ราสีส้มจะเกิดได้ง่ายมากต้องดูแลการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ตามที่ได้อธิบายไว้แล้ว
- ควรเก็บผลผลิตในขณะที่ดอกเป็นสีขาวนวล อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้แก่จนเห็ดสร้างและปล่อยสปอร์เพราะบางท่านอาจแพ้สปอร์ได้
- ก้อนเชื้อที่เก็บผลผลิตหมดแล้ว ควรเก็บทิ้งให้เป็นที่และหมักให้ย่อยสลายดีก่อนนำไปเป็นปุ๋ย
- เพราะเห็ดแครงสามารถย่อยสลายเนื้อไม้ได้ดี ถึงแม้จะเป็นไม้ที่ตายแล้วก็ตาม ( Wood decay ) เกรงว่าจะไปทำอันตรายต่อผลิตผลการเกษตรบางชนิด
การป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูเห็ด
- หลังจากนำก้อนเชื้อเห็ดเข้าโรงเรือนเปิดดอก หมั่นตรวจดูโรคและแมลงหากพบเชื้อราชนิดอื่นขึ้นหรือแมลงพวกไร
- ให้นำก้อนเห็ดออกจากโรงเรือนนำไปทำลายทันที และใช้กับดักกาวเหนียว หรือพ่นน้ำหมักสมุนไพรเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูเห็ด เช่น ตะไคร้หอม น้ำส้มควันไม้ ในโรงเปิดดอกและบริเวณรอบๆ
ข้อควรปฏิบัติในการเพาะเลี้ยงเห็ดให้ประสบผลสำเร็จ
- การรักษาความสะอาดและสุขอนามัยของโรงเรือนและบริเวณโรงเรือนตลอดจนผู้เข้าปฏิบัติงาน ผู้เข้าเยี่ยมชม
- การพักโรงเรือน เป็นการตัดวงจรชีวิตของโรค แมลงศัตรูเห็ดที่เคยระบาดหรือสะสมอยู่ในโรงเรือน
- การเอาใจใส่ทุกระยะของการผลิตเห็ดเศรษฐกิจ เป็นคนช่างสังเกต บันทึกข้อมูล ตลอดจนหมั่นเสาะแสวงหาความรู้ใหม่ๆ ตลอดเวลา
ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- วิธีการเพาะเชื้อเห็ดในอาหารเหลว พี.ดี.เอ. และขยายเชื้อ
- โรงเพาะเห็ดระบบ Evaporative ( EVAP )
- วิธีการเพาะเห็ดขอนขาว
- วิธีการเพาะเห็ดนางฟ้า ( เห็ดนางรมอินเดีย ) เห็ดนางฟ้าภูฐาน ( เห็ดนางรมภูฐาน หรือเห็ดภูฐาน )
- วิธีการเพาะเห็ดสกุลนางรม ( เห็ดนางฟ้า ) : ม. แม่โจ้
- วิธีการเพาะเห็ดหลินจือ ม.แม่โจ้
- วิธีการเพาะเห็ดยานางิ หรือเห็ดโคนญี่ปุ่น
- วิธีการเพาะเห็ดเป๋าฮื้อ
- วิธีการเพาะเห็ดแครง
- วิธีการเพาะเลี้ยงเห็ดฟางวิธีการเพาะเลี้ยงเห็ดฟาง แบบ กอง, โรงเรือน และ ในตะกร้า
- วิธีการเพาะเห็ดเยื่อไผ่ หรือ เห็ดร่างแห
- วิธีการเพาะเห็ดแชมปิญอง หรือ เห็ดกระดุม
- วิธีการเพาะเห็ดเข็มทอง
- วิธีการเพาะขยายพันธุ์ เห็ดเผาะ หรือ เห็ดถอบ : ม.แม่โจ้
- วิธีการเพาะเห็ดหอม หรือเห็ดชิตาเกะ
- วิธีเพาะเห็ดนางรมหลวง หรือเห็ดออรินจิ
- วิธีการเพาะเห็ดหูหนูขาว หรือเห็ดแม่ไก่
- วิธีเพาะเห็ดหูหนูดำหลังขาว หรือเห็ดหูช้าง