ชื่อท้องถิ่น : เห็ดหูหนูขาว
ชื่อสามัญ : Silver Ear Mushroom, White Jelly Mushroom
ชือวิทยาศาสตร์ : Tremella Fuciformis Berk.
ชื่อวงศ์ : Tremellaceae
เห็ดหูหนูขาว หรือ ชื่อในภาษาอังกฤษว่า Tremella Mushroom, Tremella Fuciformis Mushroom ( White Jelly Fungus ) เป็นเห็ดที่มีลักษณะเหมือนเยลลี่ อุ้มน้ำได้ดี
ลักษณะทางวิทยา ของ เห็ดหูหนูขาว
ดอกเห็ด (Mushroom) : มีลักษณะบาง สีขาวใส หรือสีขาวอมเหลือง แต่ละดอกเห็ด จะมีรูปร่างที่แตกต่างกัน หลายแบบ เช่น กลีบดอกไม้ ภาชนะ ใบหู และ แมงกระพรุน เป็นต้น ดอกเห็ดมีลักษณะ คล้ายกับวุ้น อ่อนนุ่ม ขอบหยัก ย่นเป็นคลื่น
เส้นใย (Mycelium) : จะมีเมือก จับตัวกันอย่างหนาแน่น
สปอร์ (Basidiospore) : มีลักษณะลื่น เป็นรูปรี ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 5 – 8 ไมครอน
เป็นเห็ดที่รู้จักกันดีในวงการแพทย์แผนจีน โดยมีประวัติอันยาวนาน ถูกใช้ในตำรับอาหารช่วยบำรุงกำลัง และใช้ในตำรับยาภายในพระราชวังหลวง มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง ถึงขนาดมีการจดบันทึกว่า นางสนมหยางกุ้ยเฟย ที่ได้รับการยกย่องและขนานนามว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดคนนึงในประวัติศาสตร์ของจีน มีการใช้เห็ดหูหนูขาวเป็นส่วนประกอบในสูตรยาเพื่อช่วยรักษาผิวพรรณและความงาม
เห็ดหูหนูขาวได้ถูกยกให้เป็นสุดยอดของเห็ดอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งสมัยก่อนในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ เห็ดชนิดนี้จะพบได้น้อยมากและมีราคาสูง จึงเป็นอาหารบำรุงสำหรับผู้ที่มีฐานะร่ำรวยเท่านั้น แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาระบบการเพาะเห็ดหูหนูขาวมากขึ้น จึงทำให้ราคาถูกลง และสามารถหาซื้อได้ง่าย ในช่วงสมัยของราชวงศ์ชิง ได้มีการระบาดของวัณโรคอย่างหนัก ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อจะมีอาการเป็นไข้ไอแห้งๆ และมีเสมหะปนเลือด จึงได้มีการใช้เห็ดชนิดนี้ในการบำรุงรักษาเสริมกับยารักษาโรค ซึ่งได้ผลในการรักษาและช่วยให้อาการดีขึ้นเป็นอย่างมากจากการค้นคว้าวิจัย ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่พบว่าในเห็ดหูหนูขาวนั้นมีส่วนประกอบของโปรตีน น้ำตาล ไขมัน ไฟเบอร์ กรดอะมิโน วิตามิน และสารจำเป็นต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งมีน้ำมันยางอย่างอุดมสมบูรณ์อีกด้วย
ประโยชน์ของเห็ดหูหนูขาว
- มีคุณค่าทางอาหารสูงประกอบด้วย โปรตีน น้ำตาล ไขมัน ไฟเบอร์ กรดอะมิโน วิตามิน และสารจำเป็นต่างๆ ของร่างกาย
- มีธาตุซีลีเนียม ซึ่งเป็นสารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ได้ดีกว่าเบต้าแคโรทีน จึงทำให้ผิวพรรณสดใสและดูอ่อนเยาว์
- ช่วยบำรุงร่างกายกระเพาะอาการ ม้าม และปอด ช่วยให้เจริญอาหาร
- ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ แก้ไอ แก้ร้อนใน ช่วยขับเสมหะ
- ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยระบายท้อง ทำให้เลือดแข็งตัวไว
- ช่วยรักษาและบำบัดอาการของวัณโรคที่มีเสมหะปนเลือด
- ในเส้นใยของเห็ดหูหนูขาว มีสารช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะ และริดสีดวงทวาร
- มีแคลเซียมซึ่งช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง
- ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ เนื่องจากมีระดับของคอเลสเตอรอลต่ำ
- มีวิตามินบีซึ่งช่วยในเรื่องบำรุงประสาทและสมอง
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเลือด การทำงานของหัวใจ
- ช่วยบำรุงสุขภาพของสตรีหลังการคลอดบุตร ช่วยทำให้รอบเดือนของสตรีเป็นปกติ
เห็ดหูหนูขาวมักจะถูกเข้าใจผิด คิดว่าเป็นเห็ดชนิดเดียวกันกับเห็ดหูหนู ซึ่งจัดอยู่ในเห็ดคนละตระกูลกัน โดยเห็ดหูหนูขาวนั้นมักจะขึ้นรวมกันเป็นกลุ่มก้อนติดกัน มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีน เมืองจางโจว มณฑลฮกเกี้ยน ซึ่งชาวจีนได้ใช้เป็นเห็ดสมุนไพรในการบำบัด และรักษาวัณโรคมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงแล้ว นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย
ข้อควรระวัง :
หากจะเลือกซื้อเห็ดหูหนูขาวตามท้องตลาด ไม่ควรเลือกซื้อดอกเห็ดที่มีสีขาวมากจนผิดปกติ เพราะอาจจะมีการใช้สารฟอกขาวในการผลิต ควรจะเลือกซื้อดอกเห็ดที่มีสีเหลืองปนอยู่ด้วย และเลือกดอกเห็ดที่มีขนาดดอกใหญ่ เนื้อหนา และแห้งสนิท

การผลิตเชื้อขยายเห็ดหูหนูขาว
วัสดุขยายเชื้อ
- ขี้เลื่อยไม้ยางพารา
- รำละเอียด
- ปูนขาว
- อัตราส่วน 100 : 5 : 1
วิธีที่
- นำเชื้อเห็ดหูหนูขาว เลี้ยงในอาหารวุ้น P.D.A. เลี้ยงไป 10 วัน
- นำเส้นใยเชื้อรา Hypoxylon sp. อายุ 5 วัน วางผสมบนอาหารวุ้นเชื้อเห็ดหูหนูขาวเล็กน้อย ( Mix Mother Culture )
- เลี้ยงต่อไปอีก 10 – 15 วัน เพื่อให้เส้นใยเห็ดหูหนูขาวเจริญร่วมกับ เส้นใยเชื้อรา Hypoxylon sp.
- จึงตัดเส้นใยจากวุ้นลงเลี้ยงในขวดขี้เลื่อยไม้ยางพารา
วิธีการเตรียมขวดขยายเชื้อด้วยขี้เลื่อยไม้ยางพารา
- นำขี้เลื่อยไม้ยางพารา รำละเอียด ปูนขาว ดีเกลือ ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ใส่น้ำให้มีความชื้นประมาณ 65%
- ใส่ขวดขนาด 4 ออนซ์ ประมาณ 50% ของขวด ปิดฝานำไปนึ่งฆ่าเชื้อ
- นำมาพักให้เย็น ตัดวุ้นเชื้อเห็ดขาวที่เจริญเติบโตร่วมกับ เส้นใยเชื้อรา Hypoxylon sp. ( Mix Mother Culture ) ใส่ขวดขี้เลื่อย ขนาด 1 ตร.ซม.
- เส้นใยเห็ดจะเจริญเติบโตเต็มขวด นำไปใช้เพาะในก้อนเพาะเห็ดต่อไปได้
การผลิดก้อนขี้เลื่อยสำหรับเพาะเห็ดหูหนูขาว
วัสดุ
- ขี้เลื่อยไม้ยางพารา 100 กก.
- รำละเอียด 10 กก.
- ปูนขาว 1 กก.
- ดีเกลือ 0.2 กก.
- อัตราส่วน 100 : 10 : 1 : 0.2
วิธีทำ
- ผสมส่วนผสมให้เข้ากัน
- เติมน้ำผสมให้ได้ความชื้น 65%
- บรรจุถุงพลาสติกทนร้อนขนาด 7 x 12 นิ้ว ถุงละ 0.5-0.8 กก.ปิดจุกประหยัดสำลี
- นำไปนึ่งฆ่าเชื้อที่ความดันไอน้ำ 15 ปอนด์ / ตารางนิ้ว อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส 45 นาที
- ตั้งพักไว้ให้เย็น จึงทำการหยอดเชื้อขยายเห็ดหูหนูขาวในก้อนขี้เลื่อยลงไป 1 ช้อน / ถุง
- นำเข้าห้องบ่มเชื้อ บ่มเลี้ยง 20-25 วัน หรือจนเส้นใยเดินเต็มก้อน
- จึงนำไปห้องเปิดดอก
การทำให้เกิดดอก
- เมื่อเส้นใยเดินเต็มก้อนแล้ว
- กรีดถุง ให้ถอดคอขวดพลาสติกออกแล้วรวบปากถุงใช้ยางรัดให้แน่นแล้ว
- ใช้มีดคมๆ กรีดเเฉียงลง ( จะเก็บความชื้นได้ดีกว่ากรีดเป็นแนวดิ่ง )
- กรีดเป็นช่วงสั้น ๆ ประมาณ 1 นิ้ว รอบถุงประมาณ 15-20 แผล
- สำหรับเห็ดหูหนูไม่นิยมเปิดปากถุงหรือเปลือยถุง เพราะขนาดดอกที่ออกจะใหญ่
- มักไม่เป็นที่นิยมของตลาดและการที่ไม่กรีดเป็นช่วงยาว ๆ ก็เพราะดอกเห็ดที่ออกจะติดกันเป็นแถวยาวตามรอยกรีด และจะมีขนาดดอกไม่เสมอกัน
- นำเข้าห้องเปิดดอก ให้น้ำ 3 ครั้ง / วัน
การเก็บผลผลิต
- เมื่อดอกเห็ดโตเต็มที่ ใช้มือบิดเบาๆ

เห็ดหูหนูขาวกับผิวพรรณ
คุณประโยชน์ของเห็ดหูหนูขาวที่กำลังได้รับความนิยมและพูดถึงมากเรื่องนึงในตอนนี้คือ คุณสมบัติที่ช่วยเรื่องการบำรุงผิวพรรณ การทานเห็ดหูหนูขาวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น อิ่มน้ำให้กับผิวพรรณ เนื่องจากเห็ดหูหนูขาว สามารถซับและอุ้มน้ำได้มาก ถือเป็นไฟโตไฮยาลูโรเนด ( Hyaluronate ) ตามธรรมชาติ ที่ช่วยจัดการกับอนุมูลอิสระภายในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยฟื้นคืนความอ่อนเยาว์ ผิวเรียบเนียนคืนความเต่งตึงให้กับผิวและใบหน้าได้
รู้จักไฮยารูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) กันหน่อย
ไฮยารูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายเราอยู่แล้ว กระจายออกไปตามเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ เป็นองค์ประกอบสำคัญของข้อต่อและกระดูกอ่อน เป็นสารหล่อลื่นเพื่อป้องกันการเสียดสีของกระดูก และเป็นองค์ประกอบสำคัญของผิวหนัง ที่มีความสำคัญไม่แพ้คอลลาเจนเลยทีเดียว เนื่องจากไฮยารูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) จะทำหน้าที่ช่วยโอบอุ้มเซลล์ผิวหนังให้ชุ่มชื่น เปรียบเสมือนฟองน้ำที่ช่วยดูดซับเก็บความชุ่มชื่นไว้กับผิว ช่วยให้ระบบการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วทำงานได้ดี และช่วยในกลไกการสมานแผล และลดอาการอักเสบที่เกิดกับผิวได้ จึงทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส
โดยปกติแล้วร่างกายเรานั้นสามารถสร้างและผลิต ไฮยารูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) ขึ้นได้เอง แต่เมื่ออายุมากขึ้น ( 30 – 40 ปี ขึ้นไป ) ร่างกายจะสร้างไฮยารูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) น้อยลง เช่นเดียวกับการสร้างคลอลาเจน จึงเป็นที่มาของริ้วรอยต่างๆ ความเสื่อมของข้อต่อกระดูก สภาพผิวหน้าและผิวพรรณนั้นเอง การทานอาหารที่มีไฮยารูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) เข้าไป จึงมีส่วนช่วยในการคงสภาพผิวให้สดชื่น และช่วยรักษาความยืดหยุ่นของข้อต่อต่างๆ ในร่างกายเอาไว้
ด้วยความต้องการไฮยารูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) จึงมีการสกัดนำเอาสารไฮยารูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) มาใช้ทั้งในด้านสุขภาพและผิวพรรณ โดยในสมัยก่อนไฮยารูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) นั้นจะได้จากการสกัด โดยการเอาส่วนของผิวหนังสัตว์ที่มีความอิ่มน้ำมาก ๆ ตัวอย่างเช่น หงอนไก่ ( นิยมมากในประเทศญี่ปุ่น ) นำมาผ่านกระบวนการด้วยวิธีทางชีวภาพ
ไฮยารูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) จากเห็ดหูหนูขาว
แต่ในปัจจุบันด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น ตอนนี้มีการสกัดไฮยารูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) จากเห็ดหูหนูขาวขึ้นมา เป็นทางเลือกในการใช้ทดแทนสารสกัดไฮยารูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) โดยหงอนไก่ที่อาจเกิดการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ และแบคทีเรียได้มากกว่า จึงกล่าวได้ว่าไฮยารูโรนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) ที่ได้จากเห็ดหูหนูขาว จะมีความเป็นธรรมชาติสูงกว่า ปลอดภัยและอ่อนโยนกว่า ด้วยคุณประโยชน์ดังกล่าว จึงทำให้เห็ดหูหนูขาวขึ้นแท่นอาหารที่ช่วยฟื้นฟูความสดชื่นให้กับผิวอย่างไม่ต้องสงสัย
สรรพคุณของเห็ดหูหนูขาว
นอกจากเรื่องผิวที่เด่นๆ แล้ว เห็ดหูหนูขาวนั้นยังเป็นพืชที่มีสรรพคุณอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งช่วยบำรุงร่างกาย และยังช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ สำหรับประโยชน์ต่อร่างกายนั้น เห็ดหูหนูขาวจะออกฤทธิ์โดยตรงกับปอด ไต กระเพาะอาหาร และกระดูก จากงานวิจัยสมัยใหม่พบว่าในเห็ดหูหนูขาวประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ มากมาย ได้แก่ โปรตีน ไขมัน น้ำตาล ใยอาหาร วิตามิน มีกรดอะมิโนสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกายหลายตัว มีฤทธิ์เป็นกลาง ไม่ร้อน ไม่เย็น มีรสหวาน จึงจัดอยู่ในคุณสมบัติของยาบำรุงเสริมพลัง
- ช่วยบำรุงสมอง มีฤทธิ์ช่วยสงบประสาท ช่วยให้นอนหลับได้ดี
- เสริมและบำรุงสารน้ำของปอด
- บำรุงไต
- บรรเทาอาการไอ
- บำรุงหัวใจ
เห็ดหูหนูขาวมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งสูงกว่าเบต้าแคโรทีนในผักสีส้มและเหลือง มีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย จึงเป็นสุดยอดเห็ดอีกชนิดที่มีความโดดเด่นในการช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดดี ลดความดัน ลดอาการหลอดเลือดหัวใจตีบและหลอดเลือดในสมองแตกได้
เห็ดหูหนูขาวกับการควบคุมน้ำหนัก
เมื่อผิวสวยสุขภาพดีแล้ว เรื่องรูปร่างก็ไม่น้อยหน้า เนื่องด้วยเห็ดหูหนูขาวเป็นพืชตระกูลเห็ดที่ให้พลังงานน้อยและมีคอเรสเตอรอลต่ำ มีใยอาหารที่ไม่ละลายในน้ำ ทำให้ทานแล้วอิ่มได้นานช่วยทำให้การดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระเลือดช้าลง จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเกิดความสมดุลและยังช่วยให้ระดับไขมันในเลือดลดลง ฟื้นฟูระบบย่อยอาหารและช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี เห็ดหูหนูจึงเป็นตัวช่วยตัวนึงในการลดน้ำหนัก
ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- วิธีการเพาะเชื้อเห็ดในอาหารเหลว พี.ดี.เอ. และขยายเชื้อ
- โรงเพาะเห็ดระบบ Evaporative ( EVAP )
- วิธีการเพาะเห็ดขอนขาว
- วิธีการเพาะเห็ดนางฟ้า ( เห็ดนางรมอินเดีย ) เห็ดนางฟ้าภูฐาน ( เห็ดนางรมภูฐาน หรือเห็ดภูฐาน )
- วิธีการเพาะเห็ดสกุลนางรม ( เห็ดนางฟ้า ) : ม. แม่โจ้
- วิธีการเพาะเห็ดหลินจือ ม.แม่โจ้
- วิธีการเพาะเห็ดยานางิ หรือเห็ดโคนญี่ปุ่น
- วิธีการเพาะเห็ดเป๋าฮื้อ
- วิธีการเพาะเห็ดแครง
- วิธีการเพาะเลี้ยงเห็ดฟางวิธีการเพาะเลี้ยงเห็ดฟาง แบบ กอง, โรงเรือน และ ในตะกร้า
- วิธีการเพาะเห็ดเยื่อไผ่ หรือ เห็ดร่างแห
- วิธีการเพาะเห็ดแชมปิญอง หรือ เห็ดกระดุม
- วิธีการเพาะเห็ดเข็มทอง
- วิธีการเพาะขยายพันธุ์ เห็ดเผาะ หรือ เห็ดถอบ : ม.แม่โจ้
- วิธีการเพาะเห็ดหอม หรือเห็ดชิตาเกะ
- วิธีเพาะเห็ดนางรมหลวง หรือเห็ดออรินจิ
- วิธีการเพาะเห็ดหูหนูขาว หรือเห็ดแม่ไก่
- วิธีเพาะเห็ดหูหนูดำหลังขาว หรือเห็ดหูช้าง